รวบนายทุน ตัวการใหญ่ขบวนการจัดหาบัญชีม้าข้ามชาติ

วันที่ 19 ธ.ค. 2567 เวลา 10:05 น.

รวบนายทุน ตัวการใหญ่ขบวนการจัดหาบัญชีม้าข้ามชาติ จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าบัญชีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) ​ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ได้แก่ 1) MR.LIM CHIN  อายุ 38 ปี สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน” 2) นางสาวเสาวลักษณ์ฯ สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน” ​สถานที่จับกุม ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา หมู่ที่ 7 ถนนกาญจนวนิช ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ​ พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้ทำการจับกุม MR. LIM CHIN  อายุ 38 ปี สัญชาติมาเลเซีย ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” ขณะเดินทางเข้าประเทศไทย ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจับกุม นางสาวเสาวลักษณ์ฯ ภรรยาของ MR. LIM CHIN  ในข้อหาเดียวกัน โดยการจับกุมครั้งนี้ เป็นผลมาจากการร้องทุกข์ของผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูกหลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน "Nicshare" และ "ComonApps" ซึ่งอ้างว่า จะได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยแอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียงในวงการหุ้นเพื่อสร้างความเชื่อถือ ให้ลงทุนในหุ้นไทยและต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน "Nicshare" ซึ่งเป็นแอป ปลอม โดยในระยะแรกผู้ลงทุนสามารถทำกำไรได้และถอนเงินได้บางส่วน ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและลงทุนเพิ่ม แต่เมื่อลงทุนมากขึ้น กลุ่มคนร้ายกลับไม่อนุญาตให้ถอนเงิน อ้างว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและภาษีก่อน จากการตรวจสอบพบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงมากกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 800 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและพบว่ามีกลุ่มคนไทยและต่างชาติร่วมขบวนการ ดำเนินการหลอกลวงในหลายพื้นที่ รวมถึงมีเงินหมุนเวียนในกลุ่มคนร้ายมากกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหากว่า 50 ราย ในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ เป็นหัวหน้าขบวนการ โดยมีการวางแผนหลอกลวงอย่างซับซ้อน และกระทำผิดเป็นขบวนการ รวมถึงการผ่องถ่ายเงินจากผู้เสียหายผ่านบัญชีธนาคารหลายบัญชี ก่อนที่จะนำเงินไปซื้อเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีสกุล USDT และทำการถ่ายโอนในรูปแบบดิจิทัล ทำให้การติดตามทรัพย์สินมีความยากลำบาก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ดำเนินการเปิดปฏิบัติการ “GHOST COMPANY” เพื่อตรวจสอบบริษัทนิติบุคคลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ พบว่าหลายบริษัทไม่มีการประกอบกิจการจริง โดยถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเปิดบัญชีม้าและสนับสนุนขบวนการฟอกเงิน จนนำไปสู่การตรวจค้นบริษัทที่มีพิรุธจำนวน 6 จุดทั่วประเทศ ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จนนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ จากการซักถามปากคำผู้ต้องหารายทั้งสอง ให้การรับว่าจัดหาคนมาเปิดบริษัทนิติบุคคลจริงเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งนำไปใช้และขายให้บุคคลอื่น โดยมีเครือข่ายลูกค้าหลายประเทศในอาเซียน จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าบัญชีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อติดตามและตรวจสอบต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะดำเนินการขยายผลสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ รวมถึงผู้ที่มีบทบาทในการจัดตั้งบริษัทเพื่ออำนวยความสะดวกในการฟอกเงินมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ขอย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนออนไลน์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง และตรวจสอบข้อมูลบริษัทให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง