รวบ "กระต่ายแสนกล" แม่บ้านดูแลผู้สูงอายุ ทำร้ายคุณยายอายุ 83 ปี ป่วยติดเตียง

วันที่ 18 ธ.ค. 2567 เวลา 11:43 น.

สืบนครบาล รวบ "กระต่ายแสนกล" แม่บ้านดูแลผู้สูงอายุ ทำร้ายร่างกายคุณยายอายุ 83 ปี ป่วยอัลไซเมอร์ รอยฟกช้ำเพียบ วันที่ 17 ธันวาคม 2567 พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อม ชุดปฏิบัติการที่ 2 ได้จับกุมตัว น.ส. นภสร หรือ “กระต่ายแสนกล”  อายุ 49 ปี สืบเนื่องจากผู้เสียหาย ให้การว่าเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ตนได้โพสต์ในกลุ่ม “หาพนักงานดูแลผู้สูงอายุ” บนกลุ่มเฟซบุ๊ก โดยทางผู้เสียหายต้องทำงานประจำ และมีภาระต่าง ๆ ภายในบ้าน พอมีกำลังที่จะจ้างพนักงานประจำ เพื่อจัดหาผู้ดูแลมารดาของตนซึ่งเป็นผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง จึงมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาตามเบอร์โทรที่ตนแจ้งไว้ตามโพสต์ประกาศหาคนดูแลผู้สูงอายุ ต่อมาผู้ต้องหารายดังกล่าว พยายามขอเข้าทำงาน ตนจึงรับเข้าทำงาน ภายหลังจากพูดคุย ซักถามถึงประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงวัย จึงให้เริ่มงาน วันที่ 11 มิถุนายน 2567 เป็นต้นมา จนในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ตนและภรรยาสังเกตเห็น แม่อายุ 83ปี มีรอยฟกช้ำตามใบหน้า และลำตัว จึงได้เฝ้าดูพฤติการณ์ของผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิด มาโดยตลอดจนถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 และเก็บรวบรวมหลักฐานผ่านกล้องวงจรปิด ที่ตนเองติดตั้งภายในห้องที่มารดานอนป่วย จึงพบพฤติการณ์ที่สะเทือนต่อจิตใจ นำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่สมาชิกในครอบครัวและตัวมารดาที่ป่วยฯ จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.นภสร ได้กระทำการทุบตี มารดาของตนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ตั้งแต่รับเข้าทำงาน จนถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ตนจึงได้พูดคุยสอบถาม กับ ผู้ตัองหา ถึงสาเหตุในการกระทำ โดยเบื้องต้นให้การยอมรับกับตน และครอบครัว ว่าเป็นผู้กระทำตามภาพที่ปรากฎในวงจรปิด จากนั้นไม่ได้สำนึกในการเข้ามาขอโทษ อีกทั้งมีพฤติการณ์แสดงท้าทายไม่ยำเกรงต่อผู้เสียหายและครอบครัว ผู้เสียหายยังได้ตรวจสอบยังสมาชิกในกลุ่ม “นายจ้าง หาคนดูแลผู้สูงอายุ” พบผู้เสียหายให้ข้อมูลจำนวนมาก ในพฤติการณ์คล้ายคลึงกันของผู้ต้องหารายนี้  ตนจึงเข้าแจ้งความในวันที่12 กรกฎาคม 2567 และเข้าไปรัองทุกข์ยังเพจ “สายไหมต้องรอด”  เพื่อให้การช่วยเหลือและรับเป็นคำร้องทุกข์ที่เป็นภัยอันตรายต่อสังคม ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่หวังเพียงได้รับการดูแลมารดาอย่างมีจรรยาบรรณ จึงให้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด จากการซักถามในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแต่ให้การยอมรับ ว่าบุคคลดังกล่าวในภาพและชื่อสกุล เป็นตนเองตามหน้าหมายจับ แต่ปฏิเสธการทำร้ายร่างกาย และ ยังให้การว่า ตนไม่ทราบเลยว่ามีหมายเรียก และหมายจับส่งไปยังบ้าน เพราะตนเองไม่เคยกลับเข้าไปบ้านอีกเลย นับตั้งแต่ทำงานรับดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน ผู้ต้องหายังให้การเพิ่มว่าปกติตนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยว่านายจ้าง ว่าจ้างให้ไปที่ไหน ตนก็จะขอดูแลกับเคสที่มีที่พักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่ทราบข้อมูลว่าตนมีคดีติดตัว ผู้ต้องหาให้การว่า ตนไม่เคยมีพฤติการทุบตี ทำร้ายใคร ตนรักผู้สูงอายุ และรักเด็ก เป็นคนธรรมะเข้าวัดฟังธรรมมาโดยตลอด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักใจเชื่อแต่อย่างใด เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และผู้เสียหายร้องทุกข์ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกบางราย ที่ถูกผู้ต้องหารายดังกล่าวนี้ ก่อเหตุในลักษณะคล้ายคลึงกัน อีกทั้งยังมีข้อมูลยืนยันจากใบแจ้งความฯ และได้ลงบันทึกประจำวัน การทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ฯ อันก่อให้เกิดความเสียหายทั้งร่างกาย และจิตใจแก่ญาติ และผู้สูงอายุตามบ้านที่ผู้ต้องหาเข้าไปดูแลอีกหลายคำร้องทุกข์ฯ จากนั้นจึงได้ทำบันทึกการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป