กระบะขนแรงงาน ซิ่งแหกด่านชนร่างตำรวจกำแพงเพชร กระแทกเสาไฟเสียชีวิต

วันที่ 18 ธ.ค. 2567 เวลา 11:20 น.

สลด! กระบะขนแรงงาน ซิ่งแหกด่านชนรถตราโล่ ท้ายรถสะบัดฟาดร่าง “หมู่อาร์ม” กระแทกเสาไฟเสียชีวิต คนขับหนีเข้าป่า ตำรวจปิดล้อมจับตัวได้ ยังต่อลองข้อหา ขอแค่ขนต่างด้าวอย่างเดียว วันนี้ (18 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ พล.ต.ต. โอภาส คงเมือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พ.ต.อ.กรวิทย์ อ่อนทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวจากอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ผ่านพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร บริเวณพื้นที่ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เป็นรถจำนวน 3 คัน ประกอบไปด้วยรถกระบะ 4 ประตู ทำหน้าที่รถนำทาง, รถกระบะแคป และรถกระบะ 4 ประตูมีหลังคา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนตั้งจุดสกัดทำการจับกุม เมื่อวางแผนเรียบร้อยดีแล้ว ได้ใช้รถยนต์สายตรวจตราโล่ แอบซ่อนอยู่บริเวณในซอยข้างสถานีอนามัยหนองปิ้งไก่ ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 23.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถกระบะ 4 ประตู ซึ่งมีลักษณะและทะเบียนตรงกับที่สายลับแจ้งมาทำหน้าที่เป็นรถดูต้นทาง มีนายนิพันธ์ อายุ 36 ปี เป็นคนขับ ได้ขับผ่านมาจากทางบ้านหนองแดนมุ่งหน้าไปทางบ้านนาบ่อคำ เมื่อรถคันดังกล่าวขับผ่านไปจนลับสายตาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงใช้รถตราโล่ตำรวจมาจอดอยู่บริเวณถนนในลักษณะจอดขวางไว้ 1 ช่องทาง และทำการเปิดสัญญาณไฟวับวาบเพื่อตั้งจุดสกัด โดยได้วางอุปกรณ์สกัดเจาะยางรถยนต์ ไว้บนถนนในช่องทางการจราจรที่เปิดไว้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจใช้ไฟฉายส่องให้สัญญาณเพื่อให้รถหยุด จากนั้นเวลาประมาณ 23.30 น. พบรถกระบะแคป มีนายสัว อายุ 45 ปี เป็นคนขับ และรถกระบะ 4 ประตูมีหลังคา มีนายทรงพล เป็นคนขับ ซึ่งขับตามกันมาก่อนถึงจุดสกัด รถทั้ง 2 คันได้เร่งความเร็ว โดยรถกระบะแคปขับรถหักไปอีกเลน ซึ่งมีอุปกรณ์สกัดเจาะยางรถยนต์วางอยู่ เพื่อฝ่าหลบหนีจุดสกัด ทำให้ล้อหน้ารถทั้งสองข้างยางรั่วไม่สามารถไปต่อได้ ขณะเดียวกันรถกระบะมีหลังคา 4 ประตู ไม่ยอมหยุดรถ แต่พุ่งชนรถตำรวจที่จอดอยู่อย่างจังทำให้ตำรวจที่อยู่บริเวณดังกล่าวต้องกระโดดหลบด้วยความรวดเร็ว แต่ปรากฏว่าด้านท้ายของรถได้ฟาดเอาร่างของ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ภวัตรัชต์พงษ์ (หมู่อาร์ม) ที่ยืนปฏิบัติหน้าที่กระเด็นไปฟาดกับเสาไฟส่องสว่างข้างทางเสียชีวิตทันที ส่วนคนขับรถได้กระโดดออกจากรถและวิ่งหนีเข้าไปในป่าอ้อยข้างทาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดล้อมจนกระทั่งจับกุมตัวได้ โดยขณะที่เจ้าหน้าที่จะจับกุมตัวได้นายทรงพล ได้โทรตามนายนิพัทธ์ผู้เป็นพี่ชาย ที่ขับรถนำทางว่ารถของตนตกถนน นายนิพัทธ์จึงขับรถวนกลับมาดูและถูกจับกุมได้ทั้งหมด ทั้งนี้ รถทั้ง 3 คัน ขนแรงงานต่างด้าวมาทั้งหมด 19 ราย จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสามรายให้การรับสารภาพว่า รับแรงงานต่างด้าวมาจากพื้นที่อำเภอวังเจ้าจังหวัดตาก จะไปส่งที่จังหวัดอุทัยธานี โดยจะได้ค่าขนส่งคันละ 8,000 บาท ขณะที่ นายทรงพล คนขับรถคันสุดท้ายที่ชนตำรวจเสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ขนแรงงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยอ้างว่ามาถึงที่เกิดเหตุไม่เห็นรถตำรวจ เห็นแค่รถคันหน้าหักหลบ ถ้าเห็นตนก็จะไม่ชน พอรู้ว่าชนด้วยความตกใจจึงหลบหนี ด้าน ส.ต.ต. ภารดร แจ้งดี ผบ.หมู่(ป)สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร หนึ่งในตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านหน้ารถ เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับรายงานมา ในช่วงเวลาเกิดเหตุ มีรถนำทาง 1 คันขับผ่านไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไป และอีกส่วนได้นำรถมาตั้งจุดสกัด ซึ่งรถคันที่สองได้พยายามหลบหนี แต่ล้อรถเหยียบจุดเจาะยางรถยนต์ทำให้ไปต่อไม่ได้ ขณะที่รถคันที่ 3 ได้พุ่งเข้าชนรถตำรวจที่จอดขวางอยู่ ตนพร้อมตำรวจทุกนายพากันกระโดดหนี แต่ด้วยความแรงจากการชนทำให้รถสะบัดร่างของ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ที่ยืนปฏิบัติหน้าที่กระเด็นไปฟาดกับเสาไฟส่องสว่างข้างทางเสียชีวิต  ภายหลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 มาสอบปากคำยันเช้ามืดอีกวันจึงยอมให้ข้อมูลและรับสารภาพทั้งหมด โดยขณะที่พ.ต.อ.เอนก กำลังสอบปากคำอยู่นั้น นายทรงพลคนขับรถที่ชนตำรวจเสียชีวิต ยังได้ต่อรองขอลดข้อกล่าวหา ให้เหลือแค่ขนแรงงานต่างด้าวอีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ และได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วช่วงเช้ามืดวันนี้ พล.ต.ต.โอภาส, พ.ต.อ.เอนก, พ.ต.อ.กรวิทย์ ได้เดินทางมามาร่วมติดตามการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม จากนั้นได้เดินทางไปห้องเก็บรักษาศพโรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อตรวจดูสภาพศพผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมให้ผู้บังคับบัญชาโดยตรงจัดการเรื่องบำเพ็ญกุศลศพให้อย่างสมเกียรติและดูแลเรื่องสิทธิต่าง ๆ ที่จะได้รับด้วย