พ่อเลี้ยงเดี่ยวมา 19 ปี วันที่ลูกเสียชีวิต แม่โผล่ขอเงินสินไหม 2 ล้าน

วันที่ 17 ธ.ค. 2567 เวลา 11:17 น.

พ่อเลี้ยงเดี่ยว ร้องขอความเป็นธรรม หลังสูญเสียลูกชายที่เลี้ยงมาคนเดียว แต่ จู่ ๆ แม่เด็กที่เลิกลากันไปนานกว่า 19 ปี กลับมาขอใช้สิทธิรับเงินค่าสินไหมทดแทนไป 2 ล้านบาท กรณีเพจ "เจ๊ม้อย v+" นำเรื่องราวของพ่อเลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่งใน จังหวัดราชบุรี มาโพสต์ร้องขอความธรรม หลังต้องสูญเสียลูกชายอายุ 19 ปี จากอุบัติเหตุรถชน แต่พอจะได้เงินค่าสินไหมทดแทน จู่ ๆ ผู้เป็นแม่ ที่ทิ้งลูกไปตั้งแต่อายุ 3 เดือน งานศพลูกก็ไม่มา แต่ส่งทนายดำเนินเรื่องรับเงินค่าสินไหม 2 ล้านบาท ตามสิทธิผู้เป็นแม่ ล่าสุดวันนี้ ( 17 ธ.ค.67) ทีมข่าว 7HD สอบถามไปยังนายเกรียง อายุ 46 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนอยู่กินกับฝ่ายหญิง และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร ตอนลูกชายอายุได้ 3 เดือน ฝ่ายหญิงได้ขอเลิกลา ไปมีครอบครัวใหม่ อยู่ที่ต่างประเทศ และไม่เคยติดต่อกลับมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของลูกเลย ตนทำหน้าที่เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาโดยตลอด และไม่เคยเรียกร้องอะไรจากฝ่ายหญิง กระทั่งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ลูกชายประสบอุบัติเหตุ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าจะต้องใช้เอกสารของผู้เป็นแม่ มาใช้ประกอบการขอรับเงินค่าสินไหมทดแทน 1.5 ล้านบาท แต่ตนก็ไม่รู้จะติดต่อยังไง จนกระทั่งน้องสาวไป เจอบัญชีtiktok ของฝ่ายหญิงใน จึงส่งข้อความไปบอกข่าว และขอเอกสารส่วนตัว แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธอ้างว่าไม่สะดวก แต่กลับส่งทนายความมาใช้สิทธิความเป็นแม่ เพื่อรับเงินค่าสินไหมทดแทน และเรียกเพิ่มเป็น 2 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าการที่ฝ่ายหญิงทำแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สมควร แม้ตนจะไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร แต่ก็เป็นคนเลี้ยงดูลูกชายมาด้วยน้ำพักน้ำแรงเพียงคนเดียวตลอด 19 ปี โดยแม่ไม่เคยหันมาเหลียวแลแม้แต่ครั้งเดียว ก็ไม่ควรที่จะได้รับเงินส่วนนี้ และเบื้องต้นได้ปรึกษาทนายความ เรื่องการทำหนังสือยื่นต่อศาล แสดงความเป็นบิดาโดยเห็นชอบด้วยกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว ทีมข่าวสอบถามไปยังนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ "ทนายกุ้ง" ให้ความเห็นว่า ฝ่ายชายมีสิทธิที่จะได้รับเงินในส่วนนี้เช่นกัน แต่ติดตรงที่เคสนี้ฝ่ายชายไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตรตั้งแต่แรก ซึ่งจะต้องทำหนังสือยื่นคำร้องต่อศาลรับรองการเป็นบิดาโดยเห็นชอบด้วยกฎหมายก่อน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะต้องให้โรงพยาบาลทำการคัดค้านไปก่อนที่ฝ่ายหญิงจะมานำเงินส่วนนี้ไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ต้องรอทางผู้เป็นแม่ ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย