ไม่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล "อนุทิน" มองยิงดับ “สจ.โต้ง” จ.ปราจีนบุรี เป็นเหตุทะเลาะวิวาทบันดาลโทสะ

วันที่ 17 ธ.ค. 2567 เวลา 10:52 น.

“อนุทิน” ชี้ยิงดับ “สจ.โต้ง” จ.ปราจีนบุรี เป็นเหตุทะเลาะวิวาทบันดาลโทสะ ไม่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล ลั่นใครทำอะไรไว้ต้องรับผลกรรม  วันนี้ (17 ธ.ค.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุ เหตุยิงนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์  (สจ.โต้ง) เสียชีวิตภายในบ้านของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ. เป็นการทะเลาะวิวาทและบันดาลโทสะ ใครทำอะไรไปก็ต้องรับผลกรรม แต่ถ้าจะออกไปซ่าข้างนอกก็ไม่เหลือ ทำไม่ได้ ในรัฐบาลก่อนเคยมอบหมายให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ปราบปรามผู้มีอิทธิพลครั้งนี้ จะมอบหมายให้กับนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแลหรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า รอบนี้ดูแลเอง ส่วนที่นายกรัฐมนตรี มีนโยบายจะตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาปราบผู้มีอิทธิพล และยาเสพติดนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าได้นายกรัฐมนตรี มาช่วยอีกแรงยิ่งดีใหญ่ เพราะจะมีกลไกตำรวจ ทหาร และความมั่นคง  มาทำงานร่วมกับกลไกของกระทรวงมหาดไทย ก็จะเป็นการบูรณาการที่สมบูรณ์แบบ ส่วนตัวดีใจและยินดีหากนายกรัฐมนตรีลงมาช่วยอีกแรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ เพราะคงไม่มีใครใหญ่กว่านายกฯ เมื่อถามว่า ตอนที่กระทรวงมหาดไทยมีการลิสต์รายชื่อผู้มีอิทธิพล มีรายชื่อของบ้านใหญ่ปราจีนบุรีอยู่ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่ามีอิทธิพลมีหลายอย่าง การทำให้ชาวบ้านเชื่อถือเคารพศรัทธา ก็ถือว่าเป็นอิทธิพล ถ้าแบบนี้ไม่เป็นไร ทุกคนมีอิทธิพลหมด ขึ้นอยู่กับว่าจะไปทำให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง หรือทำให้ผู้คนเดือดร้อน เราก็มุ่งไปปราบอิทธิพลที่ทำให้ผู้คนเดือดร้อน ถ้าเขาทะเลาะวิวาทกันเองบันดาลโทสะกัน ตรงนี้ไม่อยู่ในข่าย แต่ต้องไปดูว่าอาวุธปืน มาจากไหน ต้องไปขยายความ เพราะอาวุธปืนที่ใช้ดูแล้วคนธรรมดาก็ไม่ได้พกพาอะไรขนาดนั้น ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่แยกแยะออก ว่าใช้อิทธิพลในการประกอบคุณงามความดี หรือใช้อิทธิพลในการข่มเหงรังแกชาวบ้าน นายอำเภอผู้ว่าตำรวจดูออกอยู่แล้วตนเองก็ดูออก