ช่วยเด็กหนีออกจากบ้าน ถูกพ่อเลี้ยง-แม่ทำร้าย
วันที่ 16 ธ.ค. 2567 เวลา 07:23 น.
สนามข่าว 7 สี - เครือข่ายสะพานบุญครูหนึ่งแม่ฮ่องสอน ต้องระดมกำลังค้นหาเด็กหลบหนีออกจากบ้าน หลังโดนทั้งพ่อเลี้ยงและแม่ใช้ความรุนแรง จนทนไม่ไหว หนีออกจากบ้านกลางดึก พบปัญหาทั้งพ่อเลี้ยงและแม่ทั้งติดเหล้าและสติไม่สมประกอบ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา นายชาติชาย น้อยสกุล ประธานเครือข่ายสะพานบุญครูหนึ่งแม่ฮ่องสอน ร่วมกับผู้นำทางศาสนาต้องระดมกำลังช่วยกันค้นหาเด็กชายวัย 9 ขวบ อาศัยอยู่กับครอบครัวที่ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ที่หลบหนีออกจากบ้านช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมาและอาศัยหลบซ่อนตามบ้านเพื่อนและตามชายป่า หลบการติดตามตัวของผู้ปกครองตลอดทั้งคืน ซึ่งทางชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียงไม่อาจทนดูกับพฤติกรรมการทารุณกรรมลูกได้และแจ้งเข้ามายังสะพานบุญฯ ให้ออกไปให้การช่วยเหลือดังกล่าว กระทั่งต่อมาก็สามารถติดตามจนพบตัวในสภาพมอมแมมและหิวโหย จึงได้นำตัวมาอาบน้ำ พักผ่อนก่อนที่จะหาอาหารให้รับประทานก่อน จากการสอบถามในเบื้องต้น เด็กชายอ่อน อายุ 9 ปี บอกว่ามีพี่น้องด้วยกัน 4 คน แต่พี่ ๆ ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตนเองเป็นลูกคนสุดท้อง แต่พ่อได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ได้ราว 2 ปี แม่ก็ไปได้สามีใหม่อายุ 40 ปีมาเป็นพ่อเลี้ยงมีอาชีพหาและเก็บของเก่าขาย ซึ่งพ่อเลี้ยงเองก็ติดเหล้า ส่วนแม่อายุราว 38 ปี ก็สติไม่ค่อยดีมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทุกวันหากพ่อเลี้ยงเมามาก็จะหาเรื่องทุบตี มัดขังไว้ที่บ้าน บางครั้งก็ถูกเอาด้ามมีดตีหัว มีร่องรอยอยู่ทั้งที่ลำตัวและตามแขนขาหลายจุด จนกระทั่งทนไม่ไหว อาศัยช่วงที่พ่อเลี้ยงและแม่ออกไปทำงานหลบหนีออกมาโดยยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน จนกระทั่งมีชาวบ้านพบเห็นแจ้งให้สะพานบุญมาให้การช่วยเหลือดังกล่าว ในเบื้องต้นหลังจากที่เด็กชายอ่อนรับประทานอาหารแล้ว นายชาติชายได้นำตัวไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอนไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินการตามขั้นตอนตามความประสงค์ของเด็กที่แจ้งว่า ไม่ขอกลับไปอยู่กลับครอบครัวอีกแล้ว นอกจากนี้เด็กยังสามารถจำหมายเลขโทรศัพท์ของทางพ่อเลี้ยงได้ก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เจ้าหน้าที่ได้นัดหมายเดินทางไปพูดคุยกับทางครอบครัวของเด็กในเวลาต่อมา ก็พบแต่เพียงพ่อเลี้ยงของเด็กที่เพิ่งกลับมาจากหาของเก่า ให้การกับเจ้าหน้าที่โดยอ้างว่าเด็กดื้อ ไม่เชื่อฟังจึงต้องลงโทษ ซึ่งทั้งตนเองและแม่ของเด็กก็ไม่ค่อยมีเวลา ต้องออกไปหากิน จากนี้ไปก็ต้องรอดูว่าทางเจ้าหน้าที่จะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะเด็กยืนยันว่าไม่อยากกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว