รวบอดีตตำรวจ เมายาลักพาตัวแฟนสาวหนีข้ามจังหวัด ตำรวจล่าระทึก จนจับคนร้าย
วันที่ 14 ธ.ค. 2567 เวลา 16:42 น.
รวบอดีตตำรวจ เมายาลักพาตัวแฟนสาวหนีข้ามจังหวัด ตำรวจล่าระทึก จนจับคนร้าย พร้อมช่วยผู้เสียหายได้ อ้างอุ้มแฟนสาวไป เพื่อจะเคลียร์ปัญหาใจที่ระหองระแหงมาสักพัก ยอมรับ ก่อนก่อเหตุเสพยาเสพติด 14 ธันวาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นายภาสกรฯ อายุ 27 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน 1. หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 2. ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น 3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และ เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้นำรถวิทยุ 2506 และ 2516 ออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ และได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จว.สุราษฎรธานี เหตุลักพาตัวโดย คนร้ายได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นยานพาหนะหลบหนีจากพื้นที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จากนั้นรถวิทยุ 2506 ได้พบรถยนต์คันดังกล่าวบนถนน ทล.4009 บริเวณแยกซอย 10 จึงได้ติดตามไปจนถึง ต.ทุ่งเตา อ.บ้านนาสาร ผู้ก่อเหตุได้กลับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยใช้เส้นทาง ทล.4009 ขวา ทล.4143 หลบหนี จนไปถึง ทล.44 จากนั้นรถวิทยุ 2506 ได้ประสานรถวิทยุ 2516 ให้ช่วยสกัดจับรถต้องสงสัยคันดังกล่าวโดยให้สังเกตุการณ์บนถนน ทล.44 กม.114 ต.ทุ่งรัง อ.กาญจนดิษฐ์ และได้รับแจ้งจากรถวิทยุ 2506 รถคันดังกล่าวได้กลับรถมุ่งหน้า อ.กาญจนดิษฐ์ จากนั้น รถวิทยุ 2516 ได้ขับรถไล่ติดตาม จนไปถึงปั๊ม ปตท.ทุ่งรัง รถวิทยุ 2506 และ 2516 ได้ใช้ไมค์โครโฟนให้คนร้ายในรถคันดังกล่าวลงจากรถ แต่คนร้ายดังกล่าวไม่ยอมลงจากรถและได้ขับหลบหนีไปยัง ทล.44 (ย้อนศร) และคนร้ายได้เลี้ยวหลบหนีไปทางถนนทุ่งรัง รถวิทยุ 2506 และ 2516 ยังได้ติดตามไปอย่างกระชันชิด บริเวณสี่แยกท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จนสามารถสกัดรถยนต์คันดังกล่าวไว้ได้ รวมระยะทางการหลบหนี 50 กม. ใช้เวลาการติดตาม 40 นาที จนควบคุมคนร้ายได้ เมื่อเข้าตรวจสอบพบ นายภาสกรฯ เป็นผู้ขี่ (ผู้ถูกจับ) และมี น.ส.สุธีมาสน์ญฯ (ผู้เสียหาย) จากนั้นได้นำตัว นายภาสกรฯ มายังศูนย์ปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีกับเพื่อจัดทำบันทึกจับกุม ต่อมาในระหว่างพูดคุยกับ นายภาสกรฯ ได้แสดงลักษณะอาการคล้ายกับผู้เสพยาเสพติด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเชื่อว่าได้เสพยาเสพติดมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน จากนั้น พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย เจริญขุน สว.สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ได้แสดงบัตรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และได้อธิบายอำนาจบัตรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ให้ นายภาสกรฯ ฟังจนเข้าใจดีแล้ว คำให้การเบื้องต้น นายภาสกรฯ ว่าก่อนหน้านี้ได้เสพยาเสพติดมาก่อนหรือไม่ นายภาสกรฯ รับในทันทีทันใดว่าได้เสพยาเสพติดชนิดยาบ้ามาก่อนหน้านี้จริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอทำการตรวจค้นตัว นายภาสกรฯ โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการแบมือให้ นายภาสกรฯ ดูจนเป็นที่พอใจแล้วและยินยอมให้ทำการตรวจค้น ผลการตรวจตัว นายภาสกรฯ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด จากนั้นได้ขอทำการตรวจสอบปัสสาวะเบื้องต้นเพื่อหาสารเสพติดในร่างกายโดยความสมัครใจยินยอมของ นายภาสกรฯ เอง ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่ามีผลเป็น “บวก” พบสารเสพติดปนเปื้อนในปัสสาวะ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำปัสสาวะของ นายภาสกรฯ ส่งตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยกลุ่มผู้ชำนาญการทางการแพทย์เพื่อยืนยันผลอีกครั้ง ผลการตรวจพบว่ามีสารเสพติดชนิดเมทแอมเฟตามีนปนเปื้อนในปัสสาวะ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายภาสกรฯ (ผู้ถูกจับ) ทราบ จากนั้นได้จัดทำบันทึกการจับกุมพร้อมนำตัวผู้ถูกจับพร้อมด้วยของกลางและผลการตรวจปัสสาวะส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถามนายภาสกรฯ พบว่าเคยเป็นข้าราชการตำรวจ แต่ได้โดนไล่ออกจากราชการเมื่อปี พ.ศ.2566 และได้กลับมาอยู่บ้านที่ อ.ถำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อต้นปี 2567 และได้มีปัญหาระหองระแหง กับ น.ส.สุธีมาสน์ฯ มาสักระยะ จึงตัดสินใจไปหา น.ส.สุธีมาสน์ ที่โรงแรมใน ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นที่ทำงานของน.ส.สุธีมาสน์ฯ และ ได้อุ้มตัว น.ส.สุธีมาสน์ เพื่อจะพาไปพูดคุยที่ อ.ถำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช แต่ทาง ญาติของ น.ส.สุธีมาสน์ ได้โทรไปแจ้งความไปยังศูนย์วิทยุ 191 ภ.จว.สุราษฎรธานี จนถูกสกัดจับได้