ร้องตรวจสอบรถหรู สามารถ พบชื่อบริษัทครอบครอง

วันที่ 3 ธ.ค. 2567 เวลา 06:08 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - "นายสามารถ" กำลังจะถูกดำเนินคดีเพิ่มอีก 1 คดี หลังมีผู้เสียหายที่ถูกกรรโชกทรัพย์ เข้าแจ้งความเอาผิด ส่วนที่ DSI ก็มีคนไปยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบ "นายสามารถ" และบริษัทที่อาจเกี่ยวข้องในบางประเด็นเพิ่มเติมด้วย ร้องตรวจสอบรถหรู สามารถ พบชื่อบริษัทครอบครอง ซึ่งประเด็นที่ว่านี้ นายเคนโด้ และ อี้ แทนคุณ ไปขอให้ DSI ตรวจสอบบริษัทธุรกิจเติมเงิน และจำหน่ายซิมชื่อดัง หลังพบเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ของ นายสามารถ ที่ก่อนหน้านี้ DSI อายัดไว้เป็นของกลางในคดี แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพราะไม่ใช่ชื่อ นายสามารถ เป็นผู้ครอบครอง รวมทั้งขอให้ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวเพิ่ม เนื่องจากมีพฤติกรรมชักชวนให้ร่วมลงทุน เพราะขณะนี้มีผู้ร่วมลงทุนได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่ได้ให้ค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ รวมถึงตรวจสอบเบื้องต้นว่าบริษัทแห่งนี้มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ โผล่เพิ่ม เหยื่อ สามารถ ถูกตบทรัพย์เดือนละ 3 หมื่นบาท  ขณะเดียวกัน ทั้งสองยังพา นายหน่อง นักธุรกิจขายปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร มาชี้แจงกับสื่อ เพราะเป็นหนึ่งในคนที่ต้องส่งเงินให้กับ นายสามารถ ทุกเดือน เดือนละ 30,000 บาท มาตั้งแต่พฤษภาคมปีที่แล้ว จนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บิ๊กเต่า จ่อแจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์ สามารถ เพิ่ม  ด้าน บิ๊กเต่า พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีของ นายสามารถ ว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปราม พบเส้นทางการเงิน ประมาณ 400,000-500,000 บาท ที่เข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ จึงเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำ และแนะนำให้เข้าแจ้งความฐานกรรโชกทรัพย์ ทำให้ นายสามารถ ต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มอีก 1 คดี บิ๊กเต่า ยังบอกด้วยว่า ผู้เสียหายรายนี้ เป็นผู้ประกอบการเปิดบริษัทเกี่ยวกับการลงทุน มีเอกสารยืนยัน การทำธุรกิจถูกต้องมาตลอด แต่ นายสามารถ กลับติดต่อไปและข่มขู่ว่าบริษัทมีจุดหมิ่นเหม่จะผิดกฎหมาย บริษัทก็พยายามจะชี้แจง แต่ นายสามารถ ไม่รับฟัง และเรียกรับเงิน โดยตอนแรกเรียกเดือนละ 50,000 บาท แต่ผู้เสียหายต่อรองเหลือเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งก็จ่ายเงินให้มาหลายเดือน รวมเป็นเงินประมาณ 400,000-500,000 บาท ลักษณะแผนประทุษกรรมนี้ก็จะคล้ายกรณีของ นางสาวกฤษอนงค์ ที่อ้างว่าตัวมีความรู้แล้วเข้าไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย นอกจากนี้ ตำรวจยังพบเส้นทางการเงินจาก "บอสพอล" และ "บอสปีเตอร์" เชื่อมโยงไปยังบุคคลใกล้ชิดของ นายสามารถ อีกเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งเรียกบุคคลใกล้ชิดมาสอบปากคำแล้ว ซึ่งก็ให้การเป็นประโยชน์ แต่คดีหลักตอนนี้อยู่ที่ DSI คาดว่า DSI ก็จะสอบสวนประเด็นเส้นทางการเงินนี้เพิ่มเติมเช่นกัน ส่วนกรณีที่ นายสามารถ ประท้วงอดอาหารจนมีอาการป่วย ก็ฝากบอกว่า อย่าสร้างประเด็นเพื่อให้ได้ประกันตัว ไม่เป็นประโยชน์ต่อคดี ให้สู้กันที่พยานหลักฐานในชั้นศาล สามารถ วืดประกันตัว ร่างกายแข็งแรงขึ้นแต่ยังเครียด  สอบถามเรื่องนี้กับ ทนายความของนายสามารถ บอกว่า ยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดกับลูกความ เพราะยุ่งอยู่กับการทำเรื่องยื่นขอประกันตัว แต่ได้แจ้งให้ทราบคร่าว ๆ ว่ามีคนมาร้องทุกข์ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนเรื่องสุขภาพของ นายสามารถ ก็แข็งแรงขึ้น แม้ซูบผอมลงบ้าง แต่ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้กินข้าว กินน้ำ พักผ่อน เก็บแรงไว้สู้คดี ก็ดูเหมือนจะเริ่มยอมจิบน้ำ กินข้าวได้บ้างแล้ว  บิ๊กเต่า ขีดเส้น ฟิล์ม พบตำรวจ 6 ธ.ค.นี้ เบี้ยวเสี่ยงหมายจับ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม" กรณีคลิปเสียงเรียกรับเงินจากบอสบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป 20 ล้านบาท บิ๊กเต่า รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า หลังจากวันศุกร์ที่แล้ว พนักงานสอบสวนไปขอศาลอาญา อนุมัติหมายจับ "ฟิล์ม" แต่ศาลไม่อนุมัติและพิจารณาให้ออกเป็นหมายเรียกแทน เพราะมองว่าเป็นข้อหา "ฉ้อโกง" ไม่ใช่ "พยายามกรรโชกทรัพย์" ทำให้วานนี้ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียก "ฟิล์ม" ไปแล้ว โดยให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐาน "พยายามกรรโชกทรัพย์" ภายในวันศุกร์ที่ 6 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. แต่หาก "ฟิล์ม" จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อน ก็มาได้ แต่หากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก 2 ครั้ง แล้วไม่มา ก็จะต้องพิจารณาเรื่องออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ที่ออกหมายเรียกไป เป็นข้อหาตามที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนหลังสอบสวนแล้วเสร็จ จะแจ้งข้อหา "ฉ้อโกง" หรือ "พยายามกรรโชกทรัพย์" ก็ให้ไปดูกันที่รายละเอียดการสอบสวน ส่วนคดีที่ "หนุ่ม กรรชัย" แจ้งความ "ฟิล์ม" ในข้อหาหมิ่นประมาท เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำ "ฟิล์ม" ในทุกคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปในคราวเดียวกัน