จับขบวนการลักลอบขุดทองคำในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

วันที่ 30 พ.ย. 2567 เวลา 09:54 น.

จนท.อช.ทองผาภูมิ และอช.เขาแหลม ผนึกกำลังรวบ 3 หนุ่ม ขบวนการลักลอบขุดทองคำในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และทำการบุกรุกพื้นที่ผ่ากว่า 14 ไร่ วันนี้ (30 พ.ย. 67) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิและอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้สนธิกำลังเปิดยุทธการปราบปรามการลักลอบขุดดินหาแร่ทองคำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยปฏิบัติการครั้งนี้อำเภอทองผาภูมิออกคำสั่งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องออกลาดตระเวน หาข่าว และตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และพบการบุกรุกแปลงใหม่ในเขตป่าปิล๊อกคี่ หมู่ที่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิและป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ลึกเข้าไปในป่า ห่างจากหมู่บ้านปิล๊อกคี่ 17 กิโลเมตร และห่างจากชายแดนไทย-เมียนมา 7 กิโลเมตร ทางเจ้าหน้าที่ตรวจพบพื้นที่บุกรุกใหม่ 1 แปลง ซึ่งมีการขุดหลุมขนาด 1x1 เมตร ลึก 5-10 เมตร พร้อมพบการตัดไม้ไผ่มาทำที่กั้นดินสำหรับคัดกรองดินและหิน รวมถึงที่พักชั่วคราว รวมพื้นที่ถูกบุกรุกทั้งสิ้น 14 ไร่ 1 งาน โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน คือ 1.นายอาฉ่อง อายุ 32 ปี ไม่มีสถานะทางทะเบียน ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง 5 รายการ 2.นายอนุสรณ์ อายุ 35 ปี ชาวไทย พร้อมของกลาง 18 รายการ 3.นายโซชิ สัญชาติกะเหรี่ยง ถูกจับกุมที่ด่านตรวจหลังตรวจพบเศษแร่ทองในย่ามสะพาย พร้อมของกลาง 5 รายการ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดอุปกรณ์และเครื่องมือในการกระทำความผิดในพื้นที่เกิดเหตุได้อีก 12 รายการ จึงได้ทำบันทึกเรื่องราวและนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำชับให้ดำเนินการอย่างเข้มงวดกับการบุกรุกพื้นที่ป่า และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการปราบปรามการบุกรุกป่าอย่างเด็ดขาด ทางอุทยานฯ ได้เพิ่มมาตรการเข้มงวด โดยส่งกำลังออกดักซุ่มกลุ่มบุคคลที่คาดว่ายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ป่าริมชายแดน พร้อมทั้งปิดเส้นทางเข้าออกพื้นที่เกิดเหตุ และประสานความร่วมมือกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 และหน่วยงานปกครองในพื้นที่ เพื่อป้องกันการบุกรุกเพิ่มเติม และจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย