เมียทนายตั้ม ขึ้นศาล ร้องไห้คิดถึงลูก
วันที่ 29 พ.ย. 2567 เวลา 16:45 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - "ทนายอาคม" เพิ่มหลักทรัพย์ประกันตัวภรรยาทนายตั้มเป็น 1 ล้านบาท เผยภรรยาทนายตั้ม ร้องไห้ ระหว่างที่ศาลไต่สวน เพราะคิดถึงลูก และอยากกลับบ้าน ล่าสุดศาลอาญา ไม่ให้ประกันตัว เพราะยังสอบสวนไม่เสร็จ เมียทนายตั้ม ขึ้นศาล ร้องไห้คิดถึงลูก นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงและฟอกเงิน เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ยื่นคำร้องขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 2 พร้อมเสนอหลักทรัพย์เพิ่มเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว นางปทิตตา หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท โดยยืนยันว่า เป็นทนายความให้นางปทิตตาเพียงคนเดียว ไม่ได้เป็นทนายความให้นายษิทรา แต่อย่างใด โดยวันนี้ ศาลมีคำสั่งให้เบิกตัวนางปทิตตา จากทัณฑสถานหญิงกลาง มายังศาลอาญาเพื่อรับฟังการไต่สวน ภายหลังการไต่สวน ทนายอาคม บอกว่า นางปทิตตาอยากกลับบ้าน ส่วนที่ระหว่างที่ศาลไต่สวนนางปทิตตา ได้ร้องไห้ออกมาเป็นระยะ ๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของแม่ที่คิดถึงลูก โดยลูกของนางปทิตตา ได้เขียนจดหมายมาให้ หลังจากยังไม่มีโอกาสได้เจอกันเกือบ 20 วัน ทั้งนี้ ภายหลังการไต่สวนเห็นว่าพี่และน้องสาวของทนายตั้ม ก็ได้เดินออกมาจากศาลด้วยเช่นกัน ผู้สื่อข่าวจึงพยายามเข้าไปสอบถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้ประกันตัว แต่ทั้งสองคนไม่ได้ตอบอะไร ล่าสุด ศาลอาญา ไม่ให้ประกันตัวนางปทิตตา เพราะไม่มีเหตุอันควรให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมและการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ทวี รับแยก ทนายตั้ม ไปอยู่โซนไม่มีคู่ขัดแย้งแล้ว ส่วนกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาระบุว่า มีโจทก์เก่าในเรือนจำลงขันกันเพื่อจัดการทนายตั้ม พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า หลังจากเกิดกระแสข่าว ทาง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ไปดูภายในเรือนจำแล้ว และได้พบพูดคุยกับนายษิทรา ซึ่งนายษิทราสบายใจ เพราะได้แยกนายษิทราไปอยู่ในห้องที่ประเมินแล้วว่า ไม่มีคู่ขัดแย้งของทนายตั้ม แต่เราไม่สามารถให้เขาอยู่คนเดียวได้ ซึ่งนายษิทราได้ขอบคุณ ผบ.เรือนจำแล้ว เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ากระแสข่าวเรื่องจองกฐินเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี บอกว่า เมื่อเป็นข่าวก็ต้องเข้าไปดูแล การข่าวอาจจะมีการคาดการณ์กัน และในเรือนจำก็ต้องยอมรับว่ามีผู้ป่วยจิตเวชด้วย มันก็ต้องระมัดระวัง ทนายธรรมราช ใบ้ ทนายหัวโล้น เป็นทนายให้ตั้ม ขณะที่ นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ข่าวแว่วมาว่าทนายคนใหม่ของทนายตั้ม จะมีบุคลิกคล้าย ๆ กับ ดอม (Fast1) สมัยหนุ่ม ๆ" ล่าสุด ทนายธรรมราช กล่าวถึงข้อความที่โพสต์ดังกล่าวว่า ตนเห็นว่า ทนายสายหยุด ซึ่งเป็นทนายให้ทนายตั้ม ที่ถอนตัวไป มีคนเรียกขานว่า ทนายปาเกียว และยังเปรียบลักษณะการแต่งกายของอาจารย์ปานเทพว่า คล้ายยิปมัน โดยทนายธรรมราช บอกว่า เมื่อวาน ไปที่เรือนจำกลางมา เห็นทนายท่านนี้ไปยื่นเอกสารน่าจะเป็นใบแต่งตั้งทนายให้ทนายตั้มเซ็น ถ้าอยากรู้ก็ลองไปถามเจ้าตัวว่า รับเป็นทนายให้ทนายตั้มหรือไม่ นัดฟังคำพิพากษาคดีทำร้าย ทนายธรรมราช 23 ธ.ค. ส่วนคดีที่ ทนายธรรมราช ถูกกลุ่มคนทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดหน้าอาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ทนายธรรมราช บอกว่า คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.พหลโยธิน วันเกิดเหตุมากัน 3 คน แต่ตำรวจดำเนินคดี 2 คน ในคดีทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในคดีอาญาคนแรกที่ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าตนให้การรับสารภาพ ส่วนคนที่สองที่เข้ามาล็อกคอให้การปฏิเสธ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น. ในคดีนี้ตนได้ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมด้วย ตามมาตรา 44/1 ขอให้ศาลอย่าเพิ่งพิพากษาในวันนั้น เพื่อจะได้นำพยานหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายไปประกอบสำนวนเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นถึงความรุนแรง และไม่ต้องการให้ใครเอากรณีนี้เป็นเยี่ยงอย่าง ตนอยากเห็นศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา เพราะกรณีนี้ เจตนาต้องการให้เกิดความเสื่อมเสีย ต้องการโชว์ว่า สามารถไปทำร้ายคนที่เห็นต่างออกสื่อฯ ได้