ร้องเอาผิดร้านโชห่วยดัง

วันที่ 29 พ.ย. 2567 เวลา 06:02 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ผู้เสียหายรวมตัวกันไปร้อง ดีเอสไอ ว่าถูกหลอกลงทุนเปิดแฟรนไชส์ร้านโชห่วยดัง โดยขายฝันว่า จะช่วยพลิกชีวิตให้รวยได้ สุดท้ายไม่เป็นดั่งหวัง เพราะทุนหาย-กำไรหด พ่วงหนี้สินให้อีกเพียบ กลุ่มผู้เสียหายนับ 100 คน รวมตัวกันแต่งชุดสีดำ ถือป้ายประท้วง ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับดีเอสไอ ให้ช่วยตรวจสอบธุรกิจแฟรนไชส์ร้านโชห่วยของบริษัทชื่อดัง หลังโฆษณาชวนเชื่อให้ลงทุนเปิดร้าน โดยจะแบ่งผลกำไรให้ 85% แต่ท้ายที่สุด ทุนหายเป็นหนี้สิน ยิ่งทำธุรกิจก็ยิ่งเข้าเนื้อ ผู้เสียหายมีทั้งที่ถูกริบเงินประกันสินค้าสูญหายหลักแสนบาท หากบอกเลิกสัญญา เงื่อนไขการค้าไม่เป็นธรรม การแจ้งผู้ค้าว่า มีสินค้าหายต้องชดใช้เงินนับแสนบาท โดยให้หักกับเงินประกันสิน พอไม่ยอมก็ถูกหมายจับก่อนเซ็นรับสภาพหนี้ หรือ บางคนก็ถูกไปชักชวนคนมาลงทุนตั้งร้านโชห่วย อ้างไม่มีคู่แข่ง แต่พอเปิดร้าน กลับเจอทั้งคู่แข่งและสินค้าขายไม่ได้ ผู้เสียหายรายหนึ่ง เล่าว่า ตัดสินใจจ่ายเงินประกันสินค้าสูญหาย จำนวน 200,000 บาท แต่พอขายไปกลับกลายเป็นว่า ยิ่งทำธุรกิจยิ่งหมดตัว จึงตัดสินใจยกเลิกสัญญา แต่ก็ต้องพีกหนัก เมื่อบริษัทบอก ถ้ายกเลิกสัญญาจะถูกยึดเงินประกัน แถมพอนับสต็อกสินค้าอ้างว่าไม่ครบต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 160,000 บาท โดยบังคับให้เซ็นยอมรับ แล้วจะหักเงินดังกล่าวจากเงินประกัน ซึ่งตนไม่ยอมจึงก็ติดต่อบริษัท สุดท้ายเงียบ ก่อนรับหมายจับจากตำรวจ ว่า ตนยักยอกทรัพย์ ขณะที่ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ทำธุรกิจโชห่วยอยู่ในกรุงเทพมหานคร เห็นโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก มองว่าน่าสนใจ จึงตัดสินใจร่วมลงทุนเปิดสาขาแรกในกรุงเทพมหานคร ซึ่งช่วงแรกทางบริษัทบอกว่าจะไม่มีร้านเปิดทับซ้อนพื้นที่กัน และหากแนะนำโครงการนี้ให้คนมาร่วมลงทุน ก็จะได้รับจี้ทองคำมูลค่า 10,000 บาท จึงแนะนำเพื่อนให้มาร่วมลงทุนด้วย แต่ปรากฏว่า พอเปิดร้านไปได้ 8 เดือน สินค้าขายไม่ดี เพราะมีสาขาอื่นมาเปิดอยู่พื้นที่ใกล้เคียง อีกทั้งทางบริษัทมีกฎว่าจะต้องสรุปยอดส่งเงินให้ทุก 21.00 น.ของทุกวัน หากส่งช้าถูกปรับ 2,000 บาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เมื่อซื้อของจะมีเงินโอนเข้าวันถัดไป จึงต้องสำรองจ่ายให้บริษัทก่อน แต่ท้ายที่สุดพบว่ารายได้ไม่สอดรับกับเงินที่ลงทุนไป แบกรับภาระหนี้สินไม่ไหว ต้องยกเลิกสัญญาธุรกิจแฟรนไชน์ร้านโชห่วย และถูกยึดเงินประกันสินค้าไป นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม บอกว่า กรณีนี้เท่าที่ดูเป็นการผิดสัญญา เบื้องต้น ดีเอสไอ ก็รับจะช่วยตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เสียหายไปร้องเรียนหลายหน่วยงานแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า มักบอกปัดว่าเป็นเรื่องการผิดสัญญา