เมีย-ลูกหมอบุญ ชวดประกัน ศาล ชี้ สอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ความเสียหายสูง เกรงหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

วันที่ 28 พ.ย. 2567 เวลา 17:13 น.

นอกคุก ศาลอาญา ยกคำร้องประกัน เมียกับลูกหมอบุญ ชี้ สอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ความเสียหายสูง เกรงหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ขณะที่ปมปลอมรายมือชื่อยังไม่มีข้อสรุป ด้านทนายรับ ลูกความทั้งสองเครียดจัด ปล่อยโฮกลางศาล วันนี้ (28 พ.ย.67) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์คนะล 2 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เดินทางมาร่วมไต่สวน เมื่อถึงเวลานัด น.ส.นลิน ลูกสาวของ นพ.บุญ เบิกความว่า ตนเองเป็นผู้บริหารและกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) แต่มีหุ้นอยู่เพียง 10,000 หุ้น จากจำนวนทั้งหมด 840 กว่าล้านหุ้น ส่วน นพ.บุญ ได้ออกจากกรรมการ บมจ.ธนบุรีฯ ตั้งแต่ปี 2564 และไม่ทราบว่า นพ.บุญ บิดาเดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อใด ตนเองมีสามีเป็นชาวต่างชาติ จึงมีหนังสือเดินทางของประเทศไทยและหนังสือเดินทางของประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งมีบ้านพักที่ประเทศสเปนด้วย ส่วนในประเทศไทยนั้น ตนไม่ได้พักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับ นพ.บุญ ผู้เป็นบิดา แต่จะแยกมาพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมีเนียม ภายในซอยสุขุมวิท 31/1 เมื่อถึงวันหยุดจึงจะพาลูก ๆ ไปเที่ยวเล่นกับนพ.บุญ ที่บ้านดังกล่าว ทั้งนี้ตนเองมีอาการซึมเศร้า น.ส.นลิน กล่าวต่อว่า ภายหลังทราบว่า โดนปลอมลายมือชื่อ ก็ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของ นพ.บุญและพวก หากได้รับการประกันตัว ก็ยินดีจะปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ด้าน น.ส.จารุวรรณ เบิกความต่อว่า ตนหย่ากับ นพ.บุญมาตั้งแต่ปี 2541 แต่ยังพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ลักษณะต่างคนต่างอยู่ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงให้ลงทุน ปัจจุบันมีอาการป่วยความดันโลหิตสูง ภาระกระดูกพรุน จะต้องเข้ารับการตรวจรักษาเป็นประจำ หากได้รับการประกันตัวก็จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ ขณะที่ พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง เบิกความว่า ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ได้ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนในทันที แต่มาพบพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง หลังจากถูกออกหมายจับ ซึ่งต่างจากกรรมการผู้บริหารรายอื่นที่รีบติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนทันทีก่อนออกหมายจับ ซึ่งบางรายเข้าให้ปากคำในฐานะเป็นพยาน แต่บางรายภายหลังก็ตกเป็นผู้ต้องหา และมีเอกสารสัญญาเงินกู้และค้ำประกันหลายฉบับที่มีลายมือชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองราย แต่ไม่ทราบว่าจะถูกปลอมลายมือชื่อหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐาน สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความเพิ่มเติมอีก ส่วนมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากปรากฏว่ามีผู้เสียหายบางรายถูกข่มขู่คุกคามไม่ให้เข้าไปแจ้งความเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ นพ.บุญ เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองอาจจะเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายทรัพย์สิน หรืออาจจะทำลายพยานหลักฐานได้ ภายหลังไต่สวนพยานเสร็จแล้ว ศาลจึงนัดฟังคำสั่งให้ประกันตัวหรือไม่ เวลา 15.00 น.ช่วงบ่ายวันนี้ ต่อมาเวลา 16.38 น. ศาลได้อ่านคำสั่งไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลอาญา มีคำสั่งว่าในทางไต่สวนแม้ปรากฎว่า ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย และยืนยันว่าลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับตามที่ปรากฏในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองว่าปลอมหรือไม่ ทั้งพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายจำนวนมากคัดค้านการปล่อยชั่วคราว ประกอบกับการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนยังต้องสืบสวนหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินและการติดต่อระหว่างกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติม เมื่อพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาแล้ว คดีมีอัตราโทษสูง การกระทำมีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ความเสียหายมีมูลค่าสูงกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง ด้านทนายความของ นางจารุวรรณ และน.ส.นลิน เปิดเผยหลังยื่นคําร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจําเลยทั้งสองคนว่า ตนได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยทั้งคู่ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งคัด รวมถึงเหตุผลเดิมเรื่องของลายมือชื่อปลอมและปัญหาด้านสุขภาพ แต่ทางพนักงานสอบสวนให้เหตุผลในการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง ส่วนกรณีที่ลูกความทั้งสองมีอาการเครียดถึงกับร้องไห้ในห้องพิจารณา ทนายความ ระบุว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะทั้งคู่เคยใช้ชีวิตอยู่แต่ภายนอก อีกทั้งมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยลูกสาวเป็นโรคซึมเศร้าตนไม่ขอพูดอะไรมาก ในส่วนของแม่มีปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม หากศาลพิจารณาแล้วยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ทางทีมทนายและลูกความจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง สำหรับเรื่องคดีทางทนายความ ยืนยันว่า จำเลยทั้งสองยืนยันคำเดิมต่อหน้าศาลว่า ไม่รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องการปลอมลายเซ็น โดยนําเอกสารเก่ามาตรวจสอบพบเป็นการปลอมเซ็นอย่างแน่นอน ส่วนที่หลายคนมองว่าการกล่าวอ้างเรื่องการหย่าในครอบครัวเป็นการหย่าการเมืองหรือปลอมๆนั้น เป็นสิทธิของทุกคนที่จะคิดได้ ทั้งนี้ ลูกความทั้งสองไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ขอเพียงของใช้ส่วนตัวเท่านั้น ส่วนกรณีที่ “นพ.บุญ” หลบหนีไปประเทศจีนนั้น ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดต่อไปหาหมอบุญ เพราะไม่มีช่องทางและไม่ใช่ทนายความของ นพ.บุญ เมื่อถามถึงเหตุผลที่ไม่ไปแจ้งความที่พื้นที่เกิดเหตุ ทนายความ ระบุว่า เพราะลูกความของตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพิ่งรู้ตอนมีการฟ้องร้องจากผู้เสียหายจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดเข้าแจ้งความกับ บก.ปอศ. ส่วนที่ตำรวจจะโอนคดี นพ.บุญและพวก ไปให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ เพราะคาดว่ามีเส้นเงินเกี่ยวข้องถึงจำเลยทั้งสองนั้น ทางทนายความ ระบุว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดที่ทางพนักงานสอบสวนเสนอต่อศาลในการออกหมายจับ ดังนั้นจะต้องไปพิสูจน์กันต่อเพื่อยืนยันว่าลูกความถูกปลอมลายเซ็นจริง