คุม "ดาว" พี่ภรรยาทนายตั้ม ขออำนาจศาลฯ ฝากขัง
วันที่ 28 พ.ย. 2567 เวลา 06:34 น.
เช้านี้ที่หมอชิต - ยังอยู่ในแวดวงทนาย เมื่อ "ดาว" พี่เมียทนายตั้ม ถูกคุมตัวไปฝากขังศาลอาญา แต่ผลก็ได้กลับมานอนฟูกที่บ้าน หลังศาลให้ประกันตัว วงเงิน 1 ล้านบาท ห้ามออกนอกประเทศ ขณะที่วงการทนายเร็ว ๆ นี้ น่าจะมีหนาว ๆ ร้อน ๆ แว่ว ๆ สภาทนายความฯ อาจจะ "ลงดาบ" ทนายบางคนถึงขั้นจะเสนอให้ลบชื่อออกจาก "บัญชีทนายความ" เป็นจังหวะที่ นางสาวปิณฑิรา หรือ "ดาว" พี่เมียทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ปิดปากเงียบระหว่างถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัวในคดีฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาท ของ "มาดามอ้อย" เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง ซึ่งจริง ๆ ถ้าย้อนไปดูผลสอบปากคำกัน พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ให้ความร่วมมือน้อยมาก ขณะที่ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกได้แค่ว่า ตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนา เรื่องการรับเงินต่าง ๆ ซึ่ง "ดาว" มีความเกี่ยวข้องในส่วนการไปรับเงินมา และนำเงินสดมาแบ่งให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วน "นายเล็ก" คนขับรถ ก็อยู่ตอนที่ไปรับเงินด้วยนั้น แต่ตำรวจยังอยู่ระหว่างดูความเหมาะสม และการพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาหรือไม่ หรือจะกันไว้เป็นพยาน แต่ยืนยันหากใครเข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง ส่วนผลการฝากขัง "ดาว" หลังศาลฯ พิจารณาคำร้องก็อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 1 ล้านบาท พร้อมมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ก่อนเดินทางกลับทันทีโดยไม่ได้พบกับสื่อที่ไปรอที่ด้านหน้าศาลอาญา อีกประเด็นที่สังคมจับตาตั้งแต่วานนี้ ก็เรื่องคำใบ้ จะมีหนึ่งในกลุ่ม "ทนายอเวนเจอร์" หรือคนที่เคยพาผู้เสียหายไปแจ้งความเอาผิดกับ "ดิไอคอนกรุ๊ป" จะถูกออกหมายจับ แต่ไม่ได้บอกเป็นคดีอะไร มีบางเพจฯ พยายามโยงเสียงร้องของนก คล้ายกับที่ทนายความบางคนชอบใช้คำพูดอยู่บ่อย ๆ มีผู้สื่อข่าวหลายคนขอสัมภาษณ์ "ทนายเดชา" เพราะชอบใช้เสียงนกบ่อย ๆ ก็บอกไม่ใช่ตัวเอง เพราะไม่เคยไปตบทรัพย์ หรือทำธุรกิจสีเทา ถ้าจะมีก็น่าจะเป็นคดีหมิ่นประมาทเท่านั้นที่พอเป็นไปได้ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งข่าวภายในสภาทนายความฯ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวด้วยว่า ต้องจับตาดูผลประชุม "มรรยาททนายความ" วันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.) ให้ดี ๆ ในจำนวนผู้ที่จะหยิบมาพิจารณามีความเป็นไปได้สูงว่า อาจมีทนายความที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ด้วย หากผลมีมติออกมาให้ลงโทษทางหนึ่งทางใด ตามกระบวนการก็จะส่งเรื่องไปให้นายกสภาทนายความฯ พิจารณาได้ช่วงปลายธันวาคมนี้ จากนั้นจะส่งหนังสือถึงผู้ที่ถูกลงโทษ ว่าจะอุทธรณ์คำสั่งนี้หรือไม่ หากอุทธรณ์คำสั่งจะต้องร้องเรียนไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาภายใน 30 วัน หากเกินจากเวลานี้ก็จะมีผลบังคับทันที โดยในกรณีที่ผลออกมาร้ายแรง ก็จะมีโทษ เช่น การลบชื่อออกจากบัญชีทนายความ ซึ่งการจะยื่นเรื่องขอกลับมาเป็นทนายความใหม่อีกครั้ง ต้องเว้นวรรคอย่างน้อย 5 ปี และเมื่อยื่นกลับมา คณะกรรมการก็ต้องพิจารณาความหนักเบาของเหตุแห่งโทษ จึงเสี่ยงไม่ได้กลับมาในอาชีพนี้อีก