ทนายสายหยุด ถอนตัวคดี ทนายตั้ม

วันที่ 25 พ.ย. 2567 เวลา 16:09 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ทนายสายหยุด ยืนยันถอนตัวคดี ทนายตั้ม แล้ว หลังมีเรื่องเงิน 39 ล้านเพิ่ม ดูแล้วไม่มีทางสู้ได้ รวมถึงพบพิรุธหลักฐานเอกสาร ไม่อยากมีส่วนร่วมเปลี่ยนดำให้เป็นขาว ทนายสายหยุด ถอนตัวคดี ทนายตั้ม ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือ ฉายาในโลกโซเชียลว่า "ทนายปาเกียว" ทนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดใจผ่านรายการชื่อดังว่า เช้าที่ผ่านมา ได้เข้าไปเยี่ยม ทนายตั้ม พร้อมแจ้งขอถอนตัว ไม่ทำคดีให้แล้ว ทนายสายหยุด ให้เหตุผลว่า คดีของทนายตั้ม เดิมทีมีทั้งหมด 3 กรรม คือ 1.เรื่องเงิน 71 ล้าน  2.เรื่องคดีรถเบนซ์ และ 3.เรื่องค่าจ้างแบบแปลนโรงแรม ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่า 3 กรรมนี้ยังทำให้เหมือนเดิม แต่พอเวลาผ่านไป 10 กว่าวัน มีเรื่อง 39 ล้านเข้ามา จึงแนะนำให้ ทนายตั้ม สารภาพ แต่ ทนายตั้ม  ยืนยันจะสู้ ไม่ยอมรับ ซึ่งเรื่องเงิน 39 ล้าน ทนายสายหยุด บอกว่า สู้ไม่ได้ เนื่องจาก คุณเล็ก คนขับรถให้ ทนายตั้ม บอกทุกอย่างแล้วว่า ไปรับเงินมา 20 ล้านบาท และไปส่งให้ยังไงบ้าง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่พนักงานสอบสวนอาจจะแจ้งความเพิ่ม เกี่ยวกับเรื่องปลอมเอกสาร เนื่องจากเอกสารสัญญาที่ตนเองถืออยู่ ไม่ตรงกับที่ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการ แพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต นำเอกสารจาก "มาดามอ้อย" มาเปิดเผย จึงเกรงว่าถ้าตนเอาไปใช้ในการว่าความ จะมีความผิดไปด้วย จึงขอไม่รับทำต่อ ทนายสายหยุด ยังพูดทิ้งท้ายว่า หลังบอกว่าจะไม่ทำคดีให้แล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้ร้องไห้ แค่หน้าซึม ๆ ซึ่งตนก็บอกไปว่าจะช่วยเท่าที่ทำได้ เพราะบอกตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ถ้าให้เปลี่ยนดำเป็นขาว ตนเองทำไม่ได้ อ้าง ทนายตั้ม ไม่ยอมถอย ทำเมียอดยื่นประกัน ขณะที่ นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความของ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือ เดือน ภรรยาของ ทนายตั้ม เปิดเผยว่า เตรียมคำร้องยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว นางปทิตตา เสร็จมาประมาณเกือบ 7 วันแล้ว จากนั้นได้เข้าไปคุยกับ นางปทิตตา ว่าถ้าจะเอาโฉนดบ้านหรูที่เป็นชื่อของเจ้าตัว ไปวางไว้กับศาล เพื่อเยียวยาให้ "มาดามอ้อย" แล้วไปทำเรื่องประกันตัวต่อ ข้อเสนอตรงนี้ นางปทิตตา ตอบตกลง จากนั้นให้คนเข้าไปประสานที่เรือนจำชาย คุยกับ ทนายตั้ม ตอนแรกก็โอเค แต่ต่อมาเปลี่ยนใจไม่ให้เอาโฉนดบ้านไปวาง โดยบอกว่า "ถ้าพี่เอาไปวางศาลแล้ว ผมจะเอาหลักทรัพย์ที่ไหนไปวางเพื่อประกันตัว" เมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ ตนเองก็อึ้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา เลยตัดสินใจไม่ทำเรื่องนี้ ส่วนตัวมองว่า ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ ก็เอาไปวางที่ศาลเลย ถ้า "มาดามอ้อย" ชนะก็เอาบ้านไป แต่ถ้าอีกฝ่ายแพ้คดี ก็ได้บ้านคืน ฉะนั้นเมื่อ ทนายตั้ม เลือกแนวทางนี้ แปลว่าภรรยาของเขาติดยาวแน่ ปัญหาคือ ตอนนี้ 2 คนผัวเมีย ถูกดำเนินคดี ประตูออกมีอยู่บานเดียว แต่จะเบียดกันออก ทนายเดชา ชี้ทนายถอนตัวเรื่องปกติ ด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้พูดผ่านเพจ ทนายคลายทุกข์ ระบุถึงคดี ทนายตั้ม ว่าการที่ผู้ต้องหาเปลี่ยนทนาย เป็นเรื่องปกติ บางคดีใช้ทนายตั้ง 4-5 คน เพราะฉะนั้นการถอนตัวของ ทนายสายหยุด เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้เกี่ยวว่าคดีจะไปรอด หรือ ไม่รอด แต่อาจจะเกี่ยวกับ 1.เรื่องเงิน เพราะทนายความต้องกินต้องใช้ 2.เรื่องความเห็นในการต่อสู้คดีที่ อาจจะไม่ตรงกัน หรือ บางครั้งลูกความพูดความจริงไม่หมดก็สามารถถอนตัวได้ ส่วนใครจะมาเป็นทนายคนต่อไป ทนายเดชา บอกว่า เคยให้ข้อมูลส่วนนี้ไปแล้วว่า ทนายตั้ม เขามีทีมทนายของเขาอยู่แล้ว เขาใช้คำว่าทีม ไม่ใช่ตัวคนเดียวแบบ ทนายสายหยุด ที่จะมาต่อสู้คดี เท่าที่ตนคุยกับ ทนายสายหยุด ทนายตั้ม เพิ่งไปติดต่อเขาตอนที่โดนจับ เพราะเคยทำงานกับ ทนายตั้ม มาก่อนเท่านั้น พอ ทนายสายหยุด ถอนตัว ไม่ใช่เรื่องแปลก ทนายตั้ม เขามีทีมงานเซ็ตคดีของเขามาแล้ว เขาเตรียมความพร้อมไว้นานแล้ว ส่วนคดีเขาจะแพ้ หรือ จะชนะ ไม่มีใครตอบได้ ทนายรัชพล ปัดเป็นทนายให้เพื่อน ส่วนอีกคนที่เป็นเพื่อนของทนายตั้ม นายรัชพล ศิริสาคร หรือ ทนายรัชพล ก็ได้ออกมาโพสต์ ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ทนายรัชพล ไม่ได้รับเป็นทนายให้ ทนายตั้ม ครับ ทนายตั้ม มีทีมกฎหมายอยู่แล้ว" ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ ทนายเดชา กล่าว จ่อหมายจับเพิ่ม 1-2 ราย เอี่ยว ทนายตั้ม พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยความคืบหน้าคดีของ นางสาวจตุพร หรือ มาดามอ้อย ที่ถูก นายษิทรา ฉ้อโกง ว่าขณะนี้ยังไม่มีรายงานจากพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อ ทนายตั้ม ในกรณีเงิน 39 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนตอนนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการพิจารณาและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อชี้ชัดว่า ผู้ใดมีส่วนร่วม กระทำความผิด หรือ มีเจตนาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว เบื้องต้น พบว่าอาจมีผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมอีกประมาณ 1-2 ราย ทั้งนี้ จำนวนผู้ร่วมกระทำความผิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับผลการสอบสวน พลตำรวจตรี สุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่จะเร่งสรุปสำนวน เพื่อออกหมายเรียก หรือ หมายจับ ผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ และจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป