เครือข่ายหมอบุญ หลอกเหยื่อลงทุน 247 คน เสียหาย 7.5 พันล้านบาท พบเดินทางไปจีนแล้ว
วันที่ 23 พ.ย. 2567 เวลา 15:45 น.
ตำรวจแถลงยัน หมอบุญและพวก หลอกลงทุน 5 โครงการ เหยื่อหลงเชื่อ 247 คน มูลค่าความเสียหาย 7,500 ล้านบาท มีนักธุรกิจลงทุนมากสุด 600-700 ล้านบาท พบเจ้าตัวเดินทางไปจีนแล้ว รถยนต์ 19 คันหายไป ส่วนลูก-เมียคาดยังอยู่ไทย วันนี้ (23 พ.ย.67) ที่ห้องประชุม บก.น.1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม เครือข่ายนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ และพวกรวม 9 คน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน ธ.ค.66 มีผู้เสียหายมาเเจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง 1 ราย จากนั้นปี 2567 ตลอดทั้งปี จนถึงเดือนพ.ย. มีผู้เสียหายมาแจ้งความ 247 ราย รวม 520 คดี เบื้องต้นเป็นคดีตามพ.ร.บ.เช็ค ทาง สน.ห้วยขวางจึงส่งเรื่องมายังกองบัญชาการตำนครบาล เนื่องจากคดีมีความสลับซับซ้อน จึงได้เเต่งตั้งคณะ บก.น.1 เป็นพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน พบพฤติกรรมของนายเเพทย์บุญ เเละพวกมีการระดมทุน โดยชักชวนจากตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่าตนเป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุนให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว ผู้เสียหายถูกโบรกเกอร์ติดต่อชักชวนลงทุน ร่วมกับนายแพทย์บุญ กับพวก โดยอ้างว่าลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 16,000 ล้านบาท ใน 5 โครงการ 1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ ใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาท 2.โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างที่พักอาคารสูง 52 ชั้นรองรับผู้สูงอายุ 400 ห้อง มูลค่า 4-5 พันล้านบาท 3.สร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว รวม 3 แห่ง เวียงจันทน์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง 4. เข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน 4-5 พันล้านบาท และ 5.การสร้างเมดิคอลอินเทลลิเจนท์ บางละมุง ชลบุรี ทำหน้าที่ด้านไอที มูลค่า 100 ล้านบาท หากผู้เสียหายร่วมลงทุนแล้ว ในปี 2566 จะได้กำไร 700 ล้านบาท ปี 2567 อาจเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท โดย 5 โครงการดังกล่าว หลังระดมทุนเรียบร้อยแล้ว ก็จะให้ผู้เชี่ยวชาญ บริษัทไทยเมดิคอลกรุ๊ป จำกัด หรือ TMG ดูแลโครงการทั้งหมด เนื่องจากเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และยังมีแผนการนำเข้าบริษัทตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567 แต่พฤติกรรมในการหาแหล่งเงินทุนของนายแพทย์บุญ เเละพวก มีลักษณะการไปกู้ยืมเงินกับเเหล่งเงินกู้ โดยมีภรรยาเเละลูกสาว เป็นผู้ค้ำประกัน เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับมอบให้ผู้เสียหาย ในช่วงแรกมีการชำระดอกเบี้ยในอัตราสูง ให้กับบางส่วนบางคน ต่อมาไม่มีการจ่ายเลย ซึ่งชุดสืบสวนพบว่า นายแพทย์บุญและพวกพยายามจ่ายเช็คให้กับเจ้าหนี้ โดยใช้เช็คที่ผู้เสียหายไม่สามารถนำไปใช้ดำเนินการขึ้นเงินได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดการฟอกเงิน ที่มีอัตราโทษสูง เเละจะต้องถูกยึดอายัดทรัพย์ อีกทั้งพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องหายังทำการตลาด ซื้อโฆษณา สื่อออนไลน์ สำนักพิมพ์หลายเเห่ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ยังพบว่าหลังได้เงินทุน 7,500 ล้านแล้ว ได้ให้โบรกเกอร์ทยอยถอนเงินครั้งละเป็นร้อยล้าน โดยโบรกเกอร์จะได้ดอกเบี้ยเเละเปอร์เซ็นต์เป็นค่าตอบเเทน ซึ่งการกระทำทั้งนายแพทย์บุญเเเละโบรกเเกอร์ จะไปชักชวนผู้ร่วมลงทุน ที่เป็นนักเล่นหุ้น กระเป๋าหนัก ต่อมามากองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้แต่งตั้งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. เร่งดำเนินการโดยด่วน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง ผู้ร่วมลงทุนที่เสียหายมากที่สุดถึง 600-700 ล้านบาท เป็นนักธุรกิจที่หลงเชื่อว่าจะมีการลงทุนจริง รวมถึงบุคคากรทางแพทย์ รวมทั้งหมด 247 คน ความเสียหาย 7,564 ล้านบาท ตั้งเเต่เดือนธ.ค.66 ถึงเดือนต.ค.67 ส่วนเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า มีการนำไปใช้จ่ายในธุรกิจเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีอยู่จริง 4-5 โรงพยาบาลหรือไม่ รวมถึงต้องไปตรวจสอบในช่วงที่มีการนำเข้าวัคซีนโควิด 19 ว่าเงินดังกล่าวไปอยู่ที่ไหน นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า รถยนต์ 19 คันของนายแพทย์บุญหายไป ส่วนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโฉนดที่ดิน 21 เเปลง พบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปยังคนในครอบครัว ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า ทรัพย์สินดังกล่าวได้มาในช่วงปี 2567 หรือไม่ สำหรับผู้ร่วมขบวนการ ศาลอาญาได้ออกหมายจับ 9 ราย ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน นางจารุวรรณ ภรรยาของนายแพทย์บุญ , น.ส.นลิน บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กลุ่มสอง คือ น.ส.ศิวิมล ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน และ กลุ่มที่ 3 โบรกเกอร์ คือ นางอัจจิมา เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน, นายภาคย์ เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน , นางภัทรานิษฐ์ เป็นนายหน้าและผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน ผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน และ นายธนภูมิ ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ขณะนี้ตำรวจจับได้เเล้ว 6 ราย และได้มีการนำตัวส่งศาลอาญาฝากขังเรียบร้อยแล้ว ส่วนหมอบุญได้ประสาน ตม. ตรวจสอบพบว่า เดินทางออกจากไทยตั้งเเต่วันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. เส้นทางกรุงเทพ ฮ่องกง ล่าสุดทราบว่านายเเพทย์บุญ เดินทางต่อจากฮ่องกงไปจีนเเล้ว อยู่ระหว่างการประสานตำรวจสากล ส่วนลูกเมียอยู่ระหว่างติดตามตัวคาดว่าอยู่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม จะพยายามถึงที่สุดในการตามล่าตัว ตามหาทรัพย์สินกลับมาคืนผู้เสียหายให้ได้ ฝากถึงผู้ที่จะลงทุน ก่อนร่วมลงทุน ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าโครงการต่างจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่