“ทักษิณ​” โชว์วิสัยทัศน์ แก้ปัญหาเศรษกิจของประเทศไทย

วันที่ 22 พ.ย. 2567 เวลา 09:04 น.

ทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี โชว์วิสัยทัศน์ แก้ปัญหาเศรษกิจของประเทศไทย ที่โรงแรม The Ritz Carlton, One Bangkok  วานนี้  ( 21 พ.ย.)  นายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี​ ร่วมงาน​ Gala Dinner and Session XVII In Conversation​ พร้อมร่วมสนทนากับ Steve Forbes, Chairman and Editor-in-Chief, Forbes Media​   ซึ่งมีภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ของประเทศเข้าร่วมจำนวนมาก​  นายทักษิณ​ ได้กล่าวถึงเศรษกิจในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไม่เคลื่อนไปข้างหน้า รัฐบาลทหารและธนาคาร​ คิดว่าเราไม่ควรสร้าง   ​ติดตั้งแต่วิกฤตปี 40 ธนาคารแห่งประเทศไทย​พยายามปกป้องธนาคารพาณิชย์ออกพันธบัตร    ทำให้ GDP ของประเทศโตน้อยกว่าประเทศอื่น    ซึ่งเป็นที่เป็นเหตุผลว่าเหตุใด ไทยจึงเติบโตน้อยกว่าที่อื่น    ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยควรจะทำอย่างไรนั้น ต้องดูสถานการณ์ของสกุลเงินและอีกหน้าที่คือดูแลธนาคารพาณิชย์    บางทีก็งงกับบทบาทปกป้องธนาคารพาณิชย์มากเกินไป​    ซึ่งในอดีตธนาคารพาณิชย์ ใช้ Concept จับมือที่ลูกค้าที่มีปัญหา    แต่ปัจจุบันกลับใช้การเก็บเงินสำหรับคนที่อยู่รอด  ซึ่งแนวคิดเปลี่ยนไปจากในอดีต   ธนาคารแห่งประเทศไทยพยายามนำตัวสภาพคล่องออกมาจากธนาคารพาณิชย์   จึงเป็นสาเหตุว่าเหตุใดรัฐบาลจึงพยายามเอาทุนลงไปในระบบเพิ่มขึ้น  ผ่านโครงการดิจิทัล  วอลเล็ต   ซึ่งก็เหมือนกับปลาที่อยู่ในบ่อน้ำตราบใดที่มีน้ำก็ว่ายได้   วางไข่ได้    แต่ถ้าไม่มีน้ำก็ไม่สามารถวางไข่ได้    ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ควรเป็นอิสระ รัฐบาลควรจะมีส่วนร่วมมากขึ้น  แม้ว่าจะมีอิสระ​ แต่ต้องฟัง พร้อมกับยังระบุว่า​ ส่วนใหญ่คนของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนักเรียนที่ดี เป็นนักเรียนเกรดเอทั้งหมด   เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้เอทุกวิชา   ก็เลยเชื่อว่าไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาอีกแล้ว ซึ่งไม่จริง   แต่ต้องมีประสบการณ์ นายทักษิณ​   ยังกล่าวอีกว่า bitcoin เป็นเรื่องหนึ่งและ stable Coin เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก่อนกล่าวว่าทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลเคยพูดคุยกับตน   ถึงความเป็นไปได้ว่าเราจะออก stable Coin ที่มีพันธบัตรรัฐบาลเป็นตัวสนับสนุนเพื่อให้มีสภาพคล่อง ซึ่งขณะนี้กำลังพูดคุยกันอยู่อย่างจริงจัง นายทักษิณ​ ยังกล่าวปัจจุบันเรามีการแข่งขันกับจีน     ซึ่งจีนมีกำลังการผลิตมาก​ ต้นทุนจึงต่ำ    ซึ่งประเทศไทยจะต้องมีการคิดถึงความคิดสร้างสรรค์   โดยการผลักดันซอฟท์​พาวเวอร์​    ดังนั้นจึงควรมองหาธุรกิจ    ในแง่ที่จะใช้เทคโนโลยีช่วยขยายให้เราเติบโต   ไม่ใช่เหมือนในอดีต ที่ทำงานทั้งวันทั้งคืน​   แต่ไม่ได้อะไร ไม่สามารถแข่งอะไรกับจีนได้เลย​   รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องปกป้องผู้ผลิตรายย่อยและผู้ผลิตท้องถิ่น    ซึ่งตนคิดว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งให้แอปพลิเคชั่นจากต่างประเทศที่จะขายสินค้าในประเทศไท​ยต้องลงทะเบียนเพื่อเสียภาษี   หากแอปใดไม่เสียภาษีก็จะต้องสั่งปิด    รวมถึงของที่จะส่งมาจะต้องมี มาตรฐานเดียวกับสินค้าที่ผลิตในไทย และได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันนายทักษิณ​ ยังระบุว่าทีมเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี​   กำลังคิดที่จะปฏิรูป​ภาษี    โดยการลดภาษีเงินได้ส่วนบุคคล    และภาษีนิติบุคคลให้สามารถแข่งขัน    และเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น แต่จำเป็นจะต้องมีระบบที่สามารถคืนเงินภาษีให้กับคนทั่วไป   และคนที่มีรายได้น้อยได้อย่างรวดเร็ว    ซึ่งทีมเศรษฐกิจได้กล่าวกับตนว่าจะมีการทำแบบเป็นระยะ  พร้อมกับระบุว่า​ ในทุกวันนี้หากต้องการได้เก็บภาษีเพิ่มจะต้องขอให้น้อยลง​   เพราะหากขอมากขึ้นการจัดเก็บภาษีจะได้น้อย​  พร้อมยกตัวอย่างสมัย​นางสาวยิ่ง​ลักษณ์​ ชิน​วัต​ร​ เป็นนายกรัฐมนตรี​ สามารถจัดเก็บได้ตามเป้า​ ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้าไม่สามารถทำได้เลย​ เพราะเขาไม่กล้าลดภาษี​ เมื่อถามว่า​ ถ้าจะไปกินเคเอฟซีกับ ประธานาธิบดี ทรัมป์​   จะแนะนำอะไร นายทักษิณ​ กล่าวว่า​  ประธานาธิบดีทรัมป์​ พยายามจะลดภาษีในประเทศ​   แต่เพิ่มภาษีการนำเข้า   เห็นว่าจะเพิ่ม 60% ในฝั่งสินค้าจากจีน    มันเกินดุลเกินไป และตนคิดว่า​ อเมริกาคงผลิตไม่ได้ทุกอย่าง​ ต้องนำเข้าบางอย่าง   กลายเป็นว่าผู้บริโภค ต้องเป็นคนจ่ายเพิ่มตรงนี้    ดังนั้น การที่เรามีนโยบายกีดกันทางการค้าภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์    แนวคิดแบบนี้น่าจะรุนแรงพอสมควร   ซึ่งมันเหมือนถอยหลังไป 50 ปี​ที่แล้ว​ และถ้ามองโลกเป็นพื้นที่ของเรา การกีดกันทางการค้ามันไม่ควรมี แต่พิธีกรแซว​ว่า ดูเหมือนจะซึมซับ หลักคิดของ Adam Smith ตั้งแต่ 200 ปีที่แล้วมาโดยตรง​    หากจะให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ​   นายทักษิณ​ ​รีบตอบปฏิเสธว่า "ผมแก่ไปแล้ว อายุผม 75 แล้ว" ขณะที่อาเซียน นายทักษิณ​ กล่าวว่า​ ต้องรวมให้เป็นหนึ่ง​   ไม่ใช่หมายถึงประเทศ   ​แต่มันหมายถึงนโยบาย   รวมไปถึงเชิงประชากรและทรัพยากร​    ซึ่งตอนที่ตนเป็นนายกฯ ก็เริ่มทำสิ่งนี้​   มีการค้าเสรีในระหว่างประเทศอาเซียน    มีการผลิตจากประเทศหนึ่งไปสู่ประเทศหนึ่ง   ด้วยภาษีที่ต่ำมากๆ​     ส่วนเอเปค​ตอนนี้ไม่ตื่นเต้นแล้ว​ ด้วยความที่ขนาดของเศรษฐกิจในประเทศสมาชิก   บางประเทศก็จนมาก   บางประเทศก็รวย    มันเป็นความแตกต่าง และการที่มันไม่สามารถสร้างการตกลงใดๆ ได้ การประชุมนานาชาติ​ไม่สามารถลงมติได้​ มันก็ไม่สามารถเติบโตได้​    เพราะฉะนั้นตนคิดว่าเอเปคถึงจุดนั้นแล้ว เมื่อถามถึงเรื่อง "คอคอดกระ" นายทักษิณ​ กล่าวว่า   ตนคิดว่า​ ไม่สามารถเดินหน้าได้ เพราะจะมีปัญหากับพื้นที่ภาคใต้   แต่เราได้ทำโครงการแลนด์บิชไป​แล้ว​    โดยเราจะต้องมีการเปิดการสนทนาในทางเศรษฐกิจ​    จะต้องคุ้มค่าและประเทศหลายประเทศต้องสนใจ    แต่รัฐบาลเราจะไม่ลงทุนเอง​    จะให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ทางการค้า ภายใต้ประโยชน์ของประเทศชาติ เมื่อถามว่ามีแรงบันดาลใจ​ จากผู้นำท่านใดหรือไม่ นายทักษิณ​   กล่าวว่า​ไม่มีท่านใดที่สร้างแรงบันดาลใจ​เป็นท่านเดียวหรือเป็นไอดอล    ตอนที่ตนได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีตนชอบ​ลีกวนยู   เพราะเป็นคนมีความมุ่งมั่น​สูงมาก มีความรู้และนี่เป็นสไตล์ที่ตนชอบ ส่วน​มหาเธร์ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพมากเลย​   และตอนนี้ท่านอายุ 99 ปี​ ยังมีอิทธิพลอยู่​   แต่ตนอายุ 75 ปีไม่มีอิทธิพลอะไรแล้ว เมื่อถามว่า​ 10 ปี​ ประเทศไทย​ จะเป็นอย่างไร​  นายทักษิณ​ กล่าวว่า​อีก 5 ปีข้างหน้าเมืองไทย​จะทำงานใน​ 2 ขา​ ขาแรกคือ Soft Power มันคือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อีกขาเราจะจับคลื่น​ AI เป็นศูนย์กลาง Data Center และดึงมาเป็นดิจิตอล Embassy เปรียบเสมือนพื้นที่ 1 ที่มี Data Center เชื่อมกับทุกประเทศ เหมือนเป็นสถานทูตทั่วโลกมาอยู่ที่นี่​