ทนายสายหยุด แนะ "ทนายตั้ม" สารภาพ ถ้าผิดจริง

วันที่ 19 พ.ย. 2567 เวลา 16:43 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - "ทนายสายหยุด" เข้าเยี่ยม "ทนายตั้ม" แบบตัวต่อตัวอย่างใกล้ชิด พร้อมแนะ "ทนายตั้ม" หากผิดจริง ให้สารภาพ เพราะหากทำแล้วแพ้ ขอไม่รับเป็นทนายความ ส่วนเรื่องเงิน 71 ล้านบาท ได้ประสาน ทนายมาดามอ้อย เพื่อไกล่เกลี่ยแล้ว พร้อมเยียวยา ทนายสายหยุด แนะ "ทนายตั้ม" สารภาพ ถ้าผิดจริง นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เดินทางเข้ามาเยี่ยม ทนายตั้ม ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร บอกว่า วันนี้ได้เข้าเยี่ยมทนายตั้มอย่างใกล้ชิด ใช้โทรศัพท์โทรคุยกัน แต่มีกระจกกั้น และไม่ได้มองหน้ากัน เพราะ ทนายตั้ม ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ และตัวเองต้องเร่งบันทึก โดยมีใจความเรื่องความเป็นอยู่ ซึ่ง ทนายตั้ม สามารถปรับตัวได้ ไม่มีความกังวล ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ รวมทั้งยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องการประกันตัว โดยจะต้องรอพนักงานสอบสวนส่งฝากขังผัดที่ 2 ว่าจะให้เหตุผลยังไง ถึงจะพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่า พนักงานสอบสวนจะยังคัดค้านการประกันตัวอยู่หรือไม่ ส่วนเรื่องการสู้คดี 39 ล้านบาท ทนายสายหยุด บอกว่า ส่วนตัวจะดำเนินการไปตามสำนวนและแนวทางคดี ไม่ได้ฟังจากสื่อและเรื่องเล่าปากต่อปาก ส่วนคดี นายนุ กับ นางสาวสาริณี ยังไม่มีหลักฐานซัดทอดมาที่ทนายตั้ม ถึงแม้ว่าทั้ง 2 คน จะถูกดำเนินคดี ส่วนตนต้องไปขอข้อมูลจากทนายตั้ม และมาศึกษา หาก ทนายตั้ม ผิดจริง ก็จะแนะนำให้รับสารภาพ เพราะตนยืนยันว่า จะไม่รับทำคดีแน่นอน หากทำแล้วแพ้ เบื้องต้นเท่าที่ได้รับข้อมูลคดี 39 ล้าน จากทนายตั้ม พบว่า มีพยานหลักฐานที่จะสามารถต่อสู้คดีได้ โดย ทนายตั้ม ได้เตรียมพยานหลักฐานไว้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว พยานหลักฐานจะเหลือร่องรอยมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องไปตรวจสอบพิจารณาอีกครั้ง ประสาน ทนายมาดามอ้อย ไกล่เกลี่ย-เยียวยาปม 71 ล้านบาท ทนายสายหยุด ยังกล่าวถึงคดี 71 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้พูดคุยทนายของมาดามอ้อย ในเรื่องของการไกล่เกลี่ยเพื่อจะเยียวยา ซึ่งเมื่อไปถึงชั้นศาล และคดีเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ศาลก็จะให้ไกล่เกลี่ยกันอยู่แล้ว แต่เจตนาส่วนตัว ก็คือ เมื่อเป็นหนี้แล้ว เขาทวงเราก็ต้องใช้ แต่หากในอนาคต ทนายตั้ม ไม่คืน ก็จะมีเหตุที่ทำให้ตนตัดสินใจเกี่ยวกับการทำงานหลังจากนี้ "ทนายตั้ม" โต้ปมพินัยกรรม-ติดจีพีเอสรถ ส่วนที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาเปิดเผยว่า ทนายตั้ม มีกรณีเรื่องการทำพินัยกรรม และให้ตัวเองเป็นผู้จัดการมรดกของมาดามอ้อย ทนายสายหยุด บอกว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์กรณีนี้ แต่มีการพูดคุยกับทนายตั้มจริง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ทำลายไปแล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของ มาดามอ้อย และ ทนายตั้ม ส่วนตัวไม่ทราบ ส่วนเรื่องที่มีการอ้างว่า ทนายตั้ม ติดจีพีเอสในรถของมาดามอ้อย ทนายตั้ม อ้างว่า ไม่ได้ติด ซึ่งก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีสัญญาณหรือไม่ ไม่สามารถยืนยันได้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สังคมชื่นชมการทำงานและการพูดอย่างตรงไปตรงมา ทนายสายหยุด ระบุว่า ไม่รู้ว่าจะพูดอ้อมค้อมทำไม ไม่ต้องดัดจริตออกสวยหรือหล่อ มองว่า พูดเรื่องจริงง่ายกว่า คนฟังรู้เรื่องว่าอะไรโกหก อะไรไม่โกหก ตนมีหน้าที่ทนายความ เมื่อ ทนายตั้ม จ้างก็ต้องทำ หากรับเงินมาแล้ว ติดคุก สังคมประนาม แล้วตนไม่ทำ เพราะกลัวเสียชื่อเสียง มองว่า มันไม่ใช่ ต้องแยกแยะ "ทนายมาดามอ้อย" รับ "ทนายสายหยุด" ติดต่อจริง ทีมข่าวสอบถาม ทนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของมาดามอ้อย ยืนยันว่า ทางทนายสายหยุด มีการติดต่อมาเรื่องไกล่เกลี่ยเยียวยาจริง แต่เป็นแค่กรณีที่ทนายสายหยุดทำหน้าที่ดูแล เช่น คดีเงิน 71 ล้านบาท ส่วนจะมีการเจรจาไกล่เกลี่ยหรือไม่ การตัดสินใจอยู่ที่ มาดามอ้อย ขณะที่ เพจเฟซบุ๊กบิ๊กเกรียน ที่มีผู้ติดตามกว่า 300,000 คน โพสต์ข้อความระบุว่า "มีข่าวแว่วมา ตั้ม ถือไพ่บอดแต้มถึงทางตันยอมหมอบให้ทนาย ไปขอเจรจากับทนายพี่อ้อย" ขณะที่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ฉ้อโกงเงินมาดามอ้อย จำนวน 39 ล้านบาทว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ไปแล้วหลายปาก และพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง แต่คดีนี้เป็นที่จับตาของสังคม ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ อาจจะต้องมีการเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมอีกหลายปาก เพื่อให้กระจ่างชัด โดยเฉพาะประเด็นขบวนการวางแผนตั้ง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งชุดคลี่คลายคดีกองปราบให้ความสนใจ และเตรียมประสาน มาดามอ้อย มาให้ข้อมูล รวมทั้งเรื่องของการติดจีพีเอสในรถของมาดามอ้อยเช่นกัน