ทางหลวงสกัด 2 คันรวดแก๊งขนแรงงานเมียนมา
วันที่ 19 พ.ย. 2567 เวลา 10:16 น.
ทางหลวงสกัดจับรถกระบะ 2 คัน ขนแรงงานเมียนมา 23 คน ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย วันนี้ (18 พ.ย.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.(นครสวรรค์) เผยกล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ไล่สกัดจับรถขนแรงงานเถื่อน บนถนนทางหลวงหมายเลข 225 พื้นที่ ต.ทับกฤชใต้ อ.ชุมแสง ซึ่งสามารถสกัดจับรถกระบะ สี่ประตูสีเทา ทะเบียนกำแพงเพชร ที่มีนายไกรวิชญ์ อายุ 24 ปี ชาว อ.วังเจ้า จ.ตาก เป็นคนขับขนแรงงานชางเมียนมา 12 คน นั่งอัดแน่นกันเบียดเสียดอยู่ภายในห้องโดยสารเตรียมพาไปส่งลงยังพื้นที่ภาคกลาง จึงได้ทำการขอตรวจสอบเอกสาร และพบว่าแรงงานชาวเมียนมาไม่มีเอกสารการเข้าเมืองถูกต้องตามกฏหมายแม้แต่คนเดียว จึงได้ทำการจับกุมตัวเอาไว้ทั้งหมด อีกทั้งในระหว่างที่กำลังตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถสกัดจับรถขนแรงงานเถื่อนแก๊งเดียวกันได้อีก 1 คัน เป็นรถกระบะสี่ประตูสีเทาเข้ม ทะเบียนพิษณุโลก ของนายไกรวิชญ์ อายุ 21 ปี ชาว อ.วังเจ้า จ.ตาก ซึ่งขนแรงงานชาวเมียนมามาอีก 11 คน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า ขณะขับรถลาดตะเวนสำรวจเส้นทางอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 225 ได้สังเกตเห็นรถกระบะที่ถูกจับกุมเป็นคันแรก มีลักษณะบรรทุกหนักอย่างมีพิรุธ และขับขี่มาด้วยความเร็วสูง จึงได้ส่งสัญญาณไฟ พร้อมกับส่งเสียงพูดออกไมค์ผ่านเครื่องขยายเสียงของรถตำรวจทางหลวง ในการแสดงตัวขอตรวจสอบ แต่ปรากฏว่ารถกระบะคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนี จึงได้ไล่ติดตาม พร้อมกับประสานขอกำลังเสริมให้มาสมทบ ก่อนจะสบโอกาสตามประกบปิดทั้งหน้าและหลัง จนรถต้องสงสัยเบรกไม่ทัน พุ่งชนท้ายรถตำรวจก่อนจอดสนิทจนถูกจับในที่สุด ส่วนรถกระบะอีกคัน สามารถจับกุมได้ในจุดบริเวณใกล้กัน เนื่องจากคนขับรถกระบะที่ถูกจับคันแรก ให้การว่า กำลังจะมีรถกระบะขนแรงงานเถื่อนแก๊งเดียวกัน ขับตามไล่กันมาอีกคัน จึงดักรอสกัดจับ จนสามารถสกัดกั้นแรงงานเอาไว้ได้ทั้งหมด 23 คน ซึ่งทั้งหมดถูกนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ชุมแสง ไปดำเนินคดี จากการสอบปากคำนายไกรวิชญ์ และนายไกรวิชญ์ รับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน ให้ขับรถไปขนแรงงานชาวเมียนมาทั้งหมด ที่หลบหนีจากช่องทางธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ให้นำพาไปส่งลงพื้นที่จังหวัดภาคกลาง ซึ่งจะได้ค่าจ้างคันละ 11,000 บาทต่อการขน 1 ครั้ง และลักลอบทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะรู้ว่าผิด แต่เงินมันล่อใจ จึงตัดสินใจทำ ส่วนแรงงานชาวเมียนมา ทราบว่า ก่อนที่จะหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าสู่ประเทศไทยได้นั้น จะต้องเสียค่านายหน้าให้กับคนนำพาในการพามาหางานทำในไทย ถึงรายละ 18,000-20,000 บาทเลยทีเดียว เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สภ.ชุมแสง ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายไกรวิชญ์ และนายไกรวิชญ์ ฐานรู้ว่าคนแรงงานผิดกฎหมายคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้แรงงานนั้นพ้นจากการจับกุม ขณะที่แรงงานชาวเมียนมาทั้งหมด 23 คน โดนข้อหาเป็นคนแรงงานเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีก่อนจะมีการผลักดันให้กลับประเทศถิ่นเกิดต่อไป