คืบหน้า2 คนร้าย ชิงเงิน 1.2 ล้าน จากพนักงานร้านสะดวกซื้อ ที่ ปัตตานี

วันที่ 19 พ.ย. 2567 เวลา 10:16 น.

คืบหน้า2 คนร้าย ชิงเงิน 1.2 ล้าน จากพนักงานร้านสะดวกซื้อ ที่ ปัตตานี ตำรวจเตรียมเรียกพนักงานทั้งหมด พนักงานลาออกไปแล้ว มาสอบปากคำ เนื่องจากตำรวจสงสัยว่า คนร้ายรู้ที่ซ่อนเงินได้อย่างไร จากกรณีที่มีเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบพนักงานร้านสะดวกซื้อ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อนำเงินที่จำหน่ายสินค้า จำนวน 1.2 ล้านบาท ไปฝากที่ธนาคาร ก่อนที่คนร้ายจะใช้อาวุธปืนพกสั้นจ่อที่พนักงานร้านสะดวกซื้อ ก่อนที่คนร้ายจะหยิบกุญแจรถของพนักงานแล้วไขเบาะรถ เพื่อหยิบเงินในกระเป๋า จำนวน 1ล้าน 2 แสนบาท หลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณด้านหน้าของ ธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส ม.5 ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.มายอ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดปัตตานี ได้กระจายกำลังเร่งติดตามตัวคนร้าย โดยเจ้าหน้าที่ชุดแรก ไล่ติดตามคนร้ายตามเส้นทางต่าง ๆ ที่คาดว่าคนร้ายใช้เส้นทางในการหลบหนีและหลบซ่อนตัว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดสืบอีกชุด ก็เร่งรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางต่าง ๆ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ตามบ้านเรือนรวมถึงร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่เองยังคงเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ด้วย ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวน ยังคงเรียกพนักงานทั้งหมดของร้าน เข้ามาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงพนักงานที่ออกไปแล้ว มาสอบปากคำด้วย ทั้งนี้เนื่องจากพฤติกรรมคนร้ายมีข้อน่าสงสัยว่า ทำไม่ถึงได้รู้เวลาและสถานที่ที่จะนำเงินไปฝากว่าไปที่ธนาคารใด รวมถึงพฤติการณ์ที่คนร้ายตั้งใจที่จะหยิบกุญแจแล้วเปิดเบาะรถทันที เหมือนรู้ว่า เงินอยู่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งทำให้ผิดสังเกตว่าคนร้ายรู้ได้อย่างไร ซึ่งตรงนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีคนรู้เห็นในการปล้นครั้งนี้หรือไม่ ถึงอย่างไรทางเจ้าหน้าที่เองก็ยังตั้งประเด็นถึงกลุ่มที่ก่อเหตุในครั้งนี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ยังคงรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดและไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.มายอ ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายคงเคลื่อนย้ายได้ลำบาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่เองได้กระจายกำลังติดตามพร้อมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทางต่าง ๆ ทั้งถนนสายหลักและสายรอง เพื่อปิดกั้นการหลบหนีของคนร้าย ซึ่งเชื่อว่าไม่นานจะสามารถจับกุมคนร้ายได้