ดาบตำรวจ ยกพวกรุมกระทืบ ร.ต.อ. ฉุนว่าน้องในกลุ่ม

วันที่ 18 พ.ย. 2567 เวลา 11:28 น.

"ดาบตำรวจ" รุ่นใหญ่? สั่งพวกนับสิบคน รุมกระทืบ ร.ต.อ. จนกระดูกโหนกแก้มซ้ายร้าว เลือดออกในตาขาวทั้งสองข้าง ใบหน้าปูดบวม หลังฉุนมาว่าน้องในกลุ่ม เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ (17 พ.ย. 67) ร.ต.ท.หญิง จิดาภา เกิดมีโภชน์ รองสว.(สอบสวน) สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุตำรวจร่วมกันทำร้ายร่างกายตำรวจที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในซอยลาดพร้าว 122 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยจากการสอบสวน ร.ต.อ.เกียรติคุณ อายุ 44 ปี รองสว.สส.สน.โคกคราม ผู้เสียหาย ให้การว่าเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 67 เวลาประมาณ 19.00 น. ผู้เสียหายได้แวะไปที่ร้านดังกล่าว เพื่อไปหาพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และได้นั่งเล่นพูดคุยกับพนักงานในร้านเนื่องจากรู้จักกัน แต่ไม่ได้มาเพื่อดื่มเหล้า โดยได้พกพาอาวุธปืน ยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. สีดำ มูลค่าราคาประมาณ  78,000 บาท ติดตัวมาด้วย โดยพกไว้เหน็บที่บริเวณเอวฝั่งขวา ต่อมา เวลาประมาณ 02.00 น. ทางร้านกำลังจะปิดร้าน มีพนักงานเริ่มทำความสะอาดและกำลังเคลียร์พื้นที่ จากนั้นได้มีชายคนหนึ่ง ชื่อนายบ่าว ซึ่งผู้เสียหายได้รู้จักบุคคลดังกล่าว เนื่องจากนายบ่าว เคยเป็นพนักงานที่ร้าน และเคยก่อเหตุสร้างความวุ่นวายภายในร้านมาก่อน ผู้เสียหายเห็นว่านายบ่าว ได้พากลุ่มเพื่อนจำนวนประมาณ 10 คน มาเที่ยวที่ร้านตอนที่ร้านใกล้จะปิด ผู้เสียหายเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์อันตราย จึงได้สังเกตเห็นว่านายบ่าวกับกลุ่มเพื่อน ได้หลีกเลี่ยงการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ภายในร้าน และเห็นว่าภายในกลุ่มเพื่อน มี ด.ต.กิตติ ซึ่งเป็นตำรวจ ยศดาบตำรวจ ฝ่ายปราบปราม สน.โคกคราม ซึ่งเป็นสน. เดียวกันกับผู้เสียหาย เดินเข้ามาพร้อม ๆ กันกับกลุ่มเพื่อนของนายบ่าว ผู้เสียหายจึงได้เดินไปทักทาย หลังจากนั้น จึงได้นั่งร่วมวงที่โต๊ะเดียวกัน ที่บริเวณด้านหลังสุดของร้าน ต่อมา ผู้เสียหายได้คุยกับด.ต.กิตติ และปรึกษาเรื่องนายบ่าวว่า เหตุการณ์ที่ผู้กล่าวหาได้เห็นตอนที่นายบ่าวและกลุ่มเพื่อนได้เข้ามาภายในร้าน อาจจะสร้างความวุ่นวายอีกครั้ง จึงเป็นกังวล แต่ด.ต.กิตติ เกิดความไม่พอใจผู้กล่าวหาอย่างมาก เนื่องจากด.ต.กิตติ ได้มาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของนายบ่าว จึงพูดกับผู้เสียหายว่า “บ่าวคือน้องชายพี่ มากับพี่ ก็ต้องกลับกับพี่ วันพรุ่งนี้ ไม่แกมายิงพี่ ก็ต้องให้พี่มายิงแกให้ตายกันไปข้าง พี่ไม่ได้ใช้คำว่าจะขอ แต่บ่าวต้องกลับกับพี่” และจากนั้น ด.ต.กิตติ จึงได้ลุกขึ้นทุบโต๊ะ ผู้เสียหายจึงได้ลุกขึ้นตามเพื่อที่จะปรับความเข้าใจ แต่แฟนของด.ต.กิตติ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง สวมเสื้อสีขาว ได้ลุกขึ้นตามมาทุบตีทำร้าย ทางผู้เสียหายจึงได้ยกมือป้องกันตัว แต่กลุ่มเพื่อนของนายบ่าว เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วจึงเข้ามารุมล็อกแขน และล็อกตัวผู้กล่าวหา จากนั้น ด.ต.กิตติ ก็ได้สั่งให้กลุ่มชายประมาณจำนวน 10 คน กดตัวผู้กล่าวหาลงที่พื้น และรุมทำร้าย จากนั้น มีชายคนหนึ่งในกลุ่มชายจำนวน 10 คน ได้เจอปืนที่ผู้กล่าวหาเหน็บไว้ ที่บริเวณเอวฝั่งขวา และได้แจ้งกับกลุ่มเพื่อนของตนว่าผู้กล่าวหามีปืน จากนั้นจึงได้ชิงเอาปืนของผู้กล่าวหา ไป ซึ่งผู้เสียหายไม่ทราบว่าคนที่นำปืนของผู้กล่าวหาไป มีชื่อและนามสกุลใด แต่ผู้กล่าวหาสามารถจดจำตำหนิรูปพรรณของคนร้ายดังกล่าวได้ มีลักษณะตัวโต ผิวคล้ำดำ หน้าลักษณะคล้ายกับแขก คาดว่าเป็นคนใต้ ซึ่งเป็นคนสนิทกันกับด.ต.กิตติ จากนั้นผู้กล่าวหาก็ได้มีการป้องกันตัวและขัดขืนตลอด และรู้สึกว่าตนถูกลากไป เมื่อสังเกตเห็นอีกที ก็เห็นกุญแจมืออยู่ที่บริเวณข้อมือฝั่งซ้าย และผู้เสียหายได้เห็นว่ามีชาย 1 คน ลักษณะตัวเล็ก พยายามใช้กุญแจมือล็อกแขนผู้เสียหายอีกข้างหนึ่ง คือข้างขวา แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากได้ต่อสู้ขัดขืน โดยระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ได้มีกลุ่มชายจำนวน ประมาณ 10 คน ได้ร่วมกันล็อกและทำร้ายร่างกายอยู่ตลอด หลังจากนั้น ด.ต.กิตติ ได้บังคับให้ผู้เสียหายนั่ง โดยมีลูกด.ต.กิตติ ยืนอยู่บริเวณด้านขวาของผู้เสียหาย และใช้ปืนแสตนเลสดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ฟาดที่บริเวณใบหน้าด้านขวาของผู้เสียหาย จำนวน 2 ครั้ง และชายที่นั่งบริเวณด้านซ้าย สวมเสื้อสีเทา เขียวขี้ม้า ลักษณะดำคล้ำ ไว้หนวด  สูงประมาณ 170 ซม. เตะผู้กล่าวหา และเอาเก้าอี้มาทุบตีผู้เสียหาย จำนวนหลายครั้ง โดยคนในกลุ่มจำนวน 10 ราย ได้รุมกันทุบตีผู้กล่าวหา มีการใช้แก้ว และเก้าอี้ทุบตีจำนวนหลายครั้ง เป็นระยะเวลาประมาณ 10 นาที โดยระหว่างนั้นด.ต.กิตติ ได้พูดกับผู้กล่าวหาว่า “มึงอ่ะเป็นเด็ก กูอ่ะเป็นเจ้าพ่อ กูยิงคนตายมากี่คนแล้ว กูก็ไม่ติดคุก” จากนั้น นายบ่าว ก็ได้เตะเสยที่หน้าของผู้กล่าวหา และได้ต่อย ตบและทุบที่บริเวณกลางหัวของผู้กล่าวหา จากนั้น ได้มีผู้กองอาร์ ซึ่งเป็นฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ได้มาห้ามเหตุการณ์ไว้ ผู้เสียหายจึงได้หลุดออกมาจากสถานการณ์ดังกล่าว และจึงได้มีคนมาช่วยผู้เสียหาย แต่ไม่สามารถจำได้ว่าเป็นผู้ใด และจากนั้นผู้กล่าวหาจึงได้ไปโรงพยาบาลลาดพร้าวเพื่อรักษาตัว โดยแพทย์ได้ลงความเห็นไว้เบื้องต้น ว่า กระดูกโหนกแก้มซ้ายร้าว มีเลือดออกในตาขาวทั้งสองข้าง มีอาการฟกช้ำที่หน้า และศีรษะ จากนั้นผู้กล่าวหาจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายดังกล่าวตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบคำให้การผู้กล่าวหาส่งตัวผู้กล่าวหา ไปตรวจชันสูตรบาดแผลยังโรงพยาบาลตำรวจประสานฝ่ายสืบสวนดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังสถานที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบ ด.ต.กิตติ เคยถูกชุดสืบสวนนครบาล จับกุมเมื่อปี 2553  หลังรวมกันฆ่า เสี่ยค้าไม้ร้านเข็มทอง 99 ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงทะลุกระจกประตูฝั่งคนขับ 1 นัด กระสุนเข้าที่ศีรษะจนกะโหลกเปิดเสียชีวิตคาที่ขณะขับรถ บริเวณถนนนิมิตใหม่ ฝังขาออก ใกล้ปากซอยนิมิตรใหม่ 36 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่หลุดคดีมาได้ทุกครั้งจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว