ลูก 3 คน ร่ำไห้ แม่ต้องติดคุกเพราะเงิน 300 บาท

วันที่ 13 พ.ย. 2567 เวลา 14:20 น.

4 แม่ลูกกอดกันร่ำไห้ หลังรู้ว่าแม่อาจจะต้องถูกตำรวจจับ เพราะเป็นบัญชีม้า แลกกับเงิน 300 บาท ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านขายโรตี ริมถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพ หมู่ที่ 2 ต.ท่าต่อ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปพบกับ นางทิพย์วรรณ์ อายุ 29 ปี ซึ่งกำลังร่ำไห้กอดลูกน้อยทั้ง 3 คน โดยนางทิพย์วรรณ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเดือดร้อนเรื่องเงินที่จะมาเลี้ยงลูก จึงได้เข้าไปแอปฯเงินกู้ มีแอปฯหนึ่งบอกว่าถ้ามีบัญชีธนาคารจะได้เงิน 300 บาท ตนเห็นแล้วสนใจจึงให้ข้อมูลบัญชีไป ผ่านไปนานหลายเดือนตนได้รับหมายเรียก 3 หมายเรียก จาก 3 ท้องที่ ทั้งในพื้นที่ กทม. และ จ.ภูเก็ต ในข้อหาบัญชีม้า ตนเองตกใจมาก พยายามปิดเป็นความลับจากครอบครัว และแอบไปพบพนักงานสอบสวนตามที่ออกหมายเรียก เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกโรงพักต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตนต้องชดใช้เงินคืนให้ผู้เสียหาย ถึงจะไม่ถูกดำเนินคดี แต่เงินจำนวนหลายแสนบาท ตนเองจะไปเอาที่ไหนมาใช้คืน เพราะว่าตนเองไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวมา ตนพยายามต่อรองก็ไม่เป็นผล ตำรวจแจ้งว่าจะออกหมายเรียก 2 ครั้ง ก็จะออกหมายจับ ตนเองเครียดมาก ค่าใช้จ่ายลูกยังจะไม่พอประทังชีวิต จะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนีแทนคนอื่น ตนเองไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร ได้แต่เก็บเรื่องไว้และไปปรึกษานายจ้าง จนกระทั่งวันนี้ทั้งสามี ลูกทั้ง 3 คน  และพ่อของตนได้รับรู้เรื่องราว ต่างก็พากันเครียดไปหมด พ่อของ นางทิพย์วรรณ์ ได้แต่น้ำตาคลอ บอกว่า ลูกไปทำแบบนี้เพราะไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปหลอกชาวบ้าน ตนเองก็เพิ่งจะรู้จักบัญชีม้า พยายามไปปรึกษาใครก็มีแต่คนบอกว่าต้องชดใช้เขา สงสารลูก อยากจะไปติดคุกแทนลูก ถ้าเป็นไปได้พ่อขอติดเอง  ขณะที่นางสุภาพร  ผลยาม อดีตประธานสภา อบต.บ้านใหม่ อ.มหาราช  บอกว่า ตนเองรู้จักกับครอบครัวนี้มานาน  นางทิพย์วรรณ์ เป็นคนนิสัยดี ทุกวันต้องทำมาหากินเลี้ยงลูก  และต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ และไม่มีทางออก และไม่รู้จะไปพึ่งใคร ตนเองจึงให้ นางทิพย์วรรณ์ มาทำงานขายโรตี เพื่อนำรายได้ไปเลี้ยงลูก และพยายามหาช่องทางช่วยเหลือ แต่ก็ไร้วี่แววที่จะช่วยได้ ตนจึงขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว เพราะสงสารลูกของ นางทิพย์วรรณ์  ทั้ง 3 คน วันนี้ก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะไม่มีชุดลูกเสือใส่