ศาลปกครองสูงสุด ถกคดี “บิ๊กโจ๊ก” ฟ้อง ตร. ให้ออกจากราชการไว้ก่อน
วันที่ 13 พ.ย. 2567 เวลา 13:14 น.
ลุ้นศาลปกครองสูงสุด ถกคดี “บิ๊กโจ๊ก” ฟ้อง ผบ.ตร., คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และ นายกรัฐมนตรี ให้ออกจากราชการไว้ก่อน วันนี้ (13 พ.ย.67) ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นประธานประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยมีรายงานว่าที่ประชุมใหญ่วันนี้จะมีการพิจารณาข้อกฎหมายคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยหลักเกณฑ์ที่จะนำเข้าที่ประชุมคดีใหญ่จะต้องเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ มีผลกระทบเป็นวงกว้าง และมีประเด็นข้อกฎหมายอันสำคัญ สำหรับขั้นตอนการพิจารณา องค์คณะที่พิจารณาคดีนี้ในศาลปกครองสูงสุดจะประกอบด้วยตุลาการจากศาลปกครองสูงสุด จำนวน 5 คน เมื่อประธานศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้นำคดีเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด องค์คณะทั้ง 5 จะทำหน้าที่สรุปข้อเท็จจริงเสนอความเห็นต่อที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด ที่มีตุลาการศาลปกครองสูงสุดประมาณ 57 คน อภิปรายมีมติเป็นคำพิพากษาคำสั่งต่อไป จากนั้นจะส่งสำนวนกลับให้องค์คณะทั้ง 5 คนเขียนคำวินิจฉัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ฟ้องสรุปว่า เดิมผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งรอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. 67 ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน เนื่องจากมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ จนถูกดำเนินคดีอาญาและถูกศาลอาญาออกหมายจับ ในความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีหนังสือที่ ตช 0083(อธ)/933 วันที่ 5 ส.ค.67 เรื่อง แจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ เรื่องดำที่ อธ. 100/2567 เรื่องแดงที่ อธ. 33/2567 โดยมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอวิธีการชั่วคราวฯ