นัดหารือบ่ายนี้ ปมคลิปฉาว ฟิล์ม-พัช
วันที่ 13 พ.ย. 2567 เวลา 11:26 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ช่วงบ่ายวันนี้ ตำรวจจะเริ่มประชุมเพื่อตรวจสอบต่อ กรณีคลิปฉาวระหว่าง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" "พัช กฤษอนงค์" และ "บอสปัน" ว่าใช่การตบทรัพย์เงิน 20 ล้านบาท หรือไม่ ขณะที่ "พัช" เริ่มทยอยออกสื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว "บิ๊กเต่า" พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า บ่ายวันนี้จะนำกรณีคลิปฉาวเข้าที่ประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องความผิดตามกฎหมาย เบื้องต้น ได้สอบพยานไปบางส่วน มีข้อมูลค่อนข้างสมบูรณ์ อาจเข้าข่ายความเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท และพยายามฉ้อโกง เหลือต้องไปสอบปากคำ "บอสปัน" ในเรือนจำ ก็จะชัดเจนว่าข้อเท็จจริงในฝั่งของผู้เสียหายเป็นอย่างไร ด้าน "พัช กฤษอนงค์" ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนผ่านทางโทรศัพท์ ยอมรับว่าคลิปดังกล่าว มีการตัดต่อไปแค่เฉพาะท่อนก่อนหน้า เนื้อหาเป็นเรื่องที่ฝ่าย ดิไอคอนกรุ๊ป มาอ้อนวอนขอให้ช่วยเหลือ จึงเกิดการร่างแผนการณ์ที่จะแก้ภาพลักษณ์องค์กรขึ้นมา โดยมีการคิดค่าใช้จ่ายร่วมกันที่ 20 ล้านบาท ส่วนเรื่องที่ตนเองคุยกับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เป็นเพียงส่วนเดียวของแผนเท่านั้น ยังมีเรื่องการป้องกัน การแก้ไขกฎหมาย และอื่น ๆ อีกมาก ยืนยันว่าไม่ใช่การตบทรัพย์เหมือนที่สังคมเข้าใจ และตนเองก็ไม่สามารถบงการให้รายการโทรทัศน์ ต้องนำเสนอข่าวที่มีตอนจบแบบ แฮปปี้เอนดิ้งได้ ด้าน ทนายวิฑูรย์ ทนายความของ "บอสพอล" พูดถึงเรื่องนี้ ยืนยันว่าคลิปที่มีการเปิดเผยในรายการข่าว ไม่ได้ตัดต่อ เพียงแต่ตัดให้เสียงสั้นลง จากความยาวทั้งหมดเกือบ 30 นาที ใจความที่เผยแพร่ก็ยังเหมือนเดิม เสียงของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ไม่ได้พูดในลักษณะข่มขู่ หรือทำให้เสียชื่อเสียง แต่มีการแอบอ้างชื่อ "พิธีกรข่าว" เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ หลังจากที่ "พัช กฤษอนงค์" ประสานให้พูดคุยกับ "บอสปัน" และหลังไปออกรายการข่าวแล้ว ก็ไม่มีการจ่ายเงิน 20 ล้านบาท และไม่ได้ตกลงว่าจ้าง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ทำการตลาดให้ ส่วนเหตุผลที่ไปออกรายการข่าวดังกล่าว ไม่ใช่เพราะต้องการฟอกขาว แต่มั่นใจว่าแสดงความบริสุทธิ์ได้ แต่คิดว่า "บอสปัน" น่าจะกลัวการเป็นจำเลยสังคม และจุดนี้ก็ถือเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ นักตบทรัพย์เข้ามาหากินได้ ส่วนเหตุผลอะไรที่ไม่จ่ายเงิน 20 ล้านบาท ล่าสุด มีรายงานข่าวว่าตำรวจไปขอศาลฯ ออกหมายจับ "พัช กฤษอนงค์" แล้ว หากมีความคืบหน้าเรื่องการจับกุมหรือดำเนินคดี เราจะติดตามให้ทราบกันต่อ ขอบคุณภาพจาก : Facebook เที่ยงวันทันเหตุการณ์