รวบหนุ่มลอบใช้ไฟหลวง ดัดแปลงมิเตอร์ขุดบิทคอยน์ เสียหายกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 12 พ.ย. 2567 เวลา 11:59 น.
รวบหนุ่มนักขุด ! ลอบใช้ไฟหลวง ดัดแปลงมิเตอร์ ขุดบิทคอยน์ เสียหายกว่า 10 ล้านบาท ตรวจเส้นเงินหมุนเวียน 40 ล้านบาท วันนี้ (12 พ.ย. 67) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ร่วมกันตรวจค้นบ้านต้องสงสัย ในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 9 หลัง ตามหมายค้นของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจยึดของกลาง 1. เครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) ซึ่งกำลังถูกเปิดใช้งานอยู่ขณะเข้าตรวจค้น จำนวน 111 เครื่อง 2. เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พร้อมจอภาพ จำนวน 7 ชุด 3. อินเตอร์เน็ตเราเตอร์ (Router) จำนวน 10 ชุด 4. เครื่องมิเตอร์ไฟฟ้าซึ่งถูกแก้ไข ดัดแปลง จำนวน 10 เครื่อง ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1.นายณัฐพงษ์ อายุ 30 ปี 2.นายอาทิตย์ อายุ 30 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” สืบเนื่องจากตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับแจ้งจากพลมืองดีว่ามีบ้านต้องสงสัยเป็นอาคารพาณิชย์ จำนวน 1 หลัง ซึ่งมีชายวัยรุ่นเช่าไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัย แต่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บริเวณรอบบ้าน ทำให้สงสัยว่าอาจใช้ในการติดตั้งเครื่องซิมบ๊อก (Sim Box) ที่คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สำหรับแปลงสัญญาณโทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้เสียหาย ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่ดำเนินการสืบสวนในทุกมิติจนทราบว่าผู้เช่าบ้านดังกล่าวคือ นายณัฐพงษ์ฯ อายุ 30 ปี และทราบว่า นายณัฐพงษ์ฯ ยังได้เช่าอาคารพาณิชย์และติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยในลักษณะเดียวกันอีก 6 แห่ง และยังเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยว อีก 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายณัฐพงษ์ฯ พบว่ามีธุรกรรมที่ต้องสงสัย ในห้วงเดือน ม.ค.66 ถึง ก.ย.67 มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท จึงเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่อตรวจสอบการใช้กระแสไฟฟ้าฟ้าของบ้านต้องสงสัย ผลการตรวจสอบพบว่าบ้านดังกล่าวมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน จึงน่าเชื่อว่ามีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อลักกระแสไฟฟ้าและนำไปใช้เปิดการทำงานของเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (บิทคอยน์) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายค้นบ้านต้องสงสัยทั้ง 9 จุด จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตั้งแต่ประมาณปลายปี พ.ศ.2566 ผู้ต้องหาได้หาเช่าบ้านเพื่อต้องการใช้เป็นสถานที่ติดตั้งเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล (บิทคอยน์) และได้เริ่มทยอยสั่งซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์มือสองผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊ก แล้วนำมาติดตั้งในบ้านแต่ละหลัง โดยว่าจ้างให้ผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ไฟ เพื่อทำให้วัดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องและได้เปิดใช้งานระบบเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล (บิทคอยน์) ดังกล่าวเรื่อยมาจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น ตรวจยึดและดำเนินคดีในที่สุด ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ของการไฟฟ้าเพื่อให้อ่านค่าได้น้อยกว่าความเป็นจริง และติดตั้งระบบไฟเพื่อใช้งานกับเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (บิทคอยน์) โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าจ้างจากผู้ต้องหาที่ 1 ตรวจสอบพบมูลค่าความเสียหาย จากการตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้า พบว่าหากไม่มีมีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เครื่องขุดบิทคอยน์ของกลางจำนวน 111 เครื่อง จะต้องเสียค่าไฟเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี คาดการณ์ความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท