“พิชัย” ยังไม่ได้รับมติ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

วันที่ 12 พ.ย. 2567 เวลา 10:26 น.

“รมว.คลัง” ยังไม่ได้รับมติ “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” เผยทราบจากข่าว “กิตติรัตน์” ได้ ขอรอรายงาน คกก.สรรหา เชื่อการทำงานจูนกันได้ เป็นอิสระ หากคุยกันบ่อยขึ้น ชี้ทำงานด้วยกันไม่ได้สู้กัน วันนี้(12 พ.ย.67) ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ายังไม่ทราบ ผลการคัดเลือกประธาน คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ ว่าใช่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือไม่ว่า เพียงแต่ทราบตามข่าวเหมือนทุกคน และเห็นช้ากว่าคนอื่นด้วย เพราะขณะนั้นติดประชุมอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับมติรายชื่อดังกล่าว หลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาฯคงแจ้งมาที่ตน และรอดูว่าจะสรุปผลมาให้อย่างไร โดยตนคิดว่าคณะกรรมการสรรหาฯคงไม่บอกใครว่าเป็นบุคคลใด และตนก็เห็นตามข่าวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็รอตามขั้นตอนของกฎหมายมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อถามต่อว่าหากเป็นชื่อนายกิตติรัตน์ จะต้องรับแรงกระแทก และถูกมองว่ามีการเมืองแทรกแซงหรือไม่ นายพิชัย มองว่า เป็นใครก็เหมือนกัน เพราะหน้าที่ถูกเขียนใน พ.ร.บ.ชัดเจนว่า ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ และคณะกรรมการแบงก์ชาติต้องทำหน้าที่อย่างไร และของเดิมก็แบ่งหน้าที่ไว้ชัดเจนว่า คณะกรรมการชุดใหญ่ดูแลอะไร และ 4  ชุดที่เหลือมีหน้าที่อะไร ฉะนั้นทุกอย่างมีหน้าที่ชัดเจน และมีความเป็นอิสระ ทั้งนี้หากนายกิตติรัตน์ เริ่มทำงานในตำแหน่ง จะเป็นอย่างไรต่อนั้น นายพิชัยกล่าวว่า ถ้านายกิตติรัตน์ นั่งทำหน้าที่ตรงนั้นก็ต้องทำหน้าที่ให้กับ ธปท. พร้อมยืนยันว่า ใครทำหน้าที่ไหน ก็ต้องปฎิบัติหน้าที่ให้ที่นั่น ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบ เมื่อถามว่าการทำงานของรัฐบาล และธปท.จะง่ายขึ้นหรือไม่  นายพิชัย ระบุว่า ในส่วนรัฐบาลก็คือตน ซึ่งตนก็ทำงานง่ายอยู่แล้ว และไม่มีปัญหาเพราะเชื่อว่าในความเป็นประเทศ รัฐบาลดูเรื่องคลัง และแบ่งหน้าที่เรื่องเงินในภาพใหญ่ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดู และเมื่อดูแล้วก็พยายามปรับจูนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ฉะนั้นหากมีการพูดคุยกันบ่อยขึ้น มันก็จะจูนเข้าหากัน เมื่อถามย้ำว่า เป็นชื่อนายกิตติรัตน์ จะถือว่าเป็นแต้มต่อหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า เราไม่ได้สู้กัน แต่เป็นการทำงานร่วมกัน เมื่อถามต่อว่า จะมีผู้ไปร้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หากเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ นายพิชัย ระบุว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ และไม่ได้มีการพูดถึงคุณสมบัติ และคิดว่ากระทรวงฯ ก็ต้องทำหน้าที่ตามที่ควรทำ