เตรียมเรียก "นักร้องเรียน" สางปม "เทวดา"

วันที่ 12 พ.ย. 2567 เวลา 06:44 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - คืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป ทาง "บิ๊กเต่า" บอกว่า สัปดาห์นี้จะชัดเจนแล้ว ขณะที่ 18 บอส ก็ถูกแจ้งอีก 2 ข้อหาเพิ่มเติม "บิ๊กเต่า" พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวหลังประชุมคดีดิไอคอนกรุ๊ป ว่ามี 4 เรื่อง ที่ต้องดำเนินการคือกรณี นางกฤษอนงค์ นักร้องเรียนหญิง ที่มีปมคลิปเสียงเรียกเงิน ซึ่งขณะนี้พยานหลักฐานคืบหน้าไปเยอะแล้ว และจะเรียกสอบปากคำพยานเพิ่มอีก 2 คน ส่วนกรณี "อดีตนักการเมือง ส." ที่พบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบอสพอล กำลังไล่ไทม์ไลน์เทียบเคียงกับช่วงอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งต้องรอพิจารณาว่า จะเข้าข่ายความผิดมาตรา 148 ของ ป.ป.ช. หรือจะเป็นเรื่องการพยายามกรรโชกทรัพย์ ขณะที่ "แม่อดีตนักการเมือง ส." ซึ่งพบ 2 ปีมานี้ รับเงินโอนจากบอสพอล รวม ๆ แล้วกว่า 600,000 บาท ก็จะเชิญตัวมาให้การเพิ่มสัปดาห์นี้เพื่อไขข้อเท็จจริง ส่วนกรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ก็พบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขณะที่การสร้างพยานเท็จ ยังต้องประชุมพิจารณาอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ตำรวจยืนยันมองเจตนาเป็นหลัก ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ที่อ้างว่ามีตำรวจสอบสวนกลาง เรียกเงิน 9 ล้านบาท ก็ตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีตำรวจเรียกรับเงิน จึงต้องเรียก นายอัจฉริยะ มาสอบปากคำอีกครั้ง เพราะทำให้หน่วยงานเสียชื่อเสียง หากพบให้ข้อมูลเท็จจะดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ยังเข้าแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับ 18 ผู้ต้องหาในคดีดิไอคอนกรุ๊ป และ 1 นิติบุคคล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมชี้คดีนี้มีองค์ประกอบความผิดเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เพราะมีรูปแบบคล้ายการชักชวนคนมาลงทุน ยืนยันว่าผู้ลงทุนจะได้สินค้าและส่วนต่างผลกำไรจากการขายสินค้า เบื้องต้น ส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และพร้อมต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง ด้าน นายวิฑูรย์ ทนายความบอสพอล นำเอกสารการทำธุรกิจและเอกสารสินค้า มาประกอบการสอบคำให้การ เพื่อแสดงว่าดิไอคอนกรุ๊ป ไม่เข้าข่ายคดีแชร์ลูกโซ่ เพราะบริษัทฯ ทำธุรกิจและมีสินค้าจริง ไม่ได้เอาเงินของคนใหม่มาจ่ายคนเก่า โดยหลังจากนี้ก็จะทำคำให้การยื่นเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน ต่อไป