เมาขับ ดับในห้องขัง หมอชันสูตรเบื้องต้น ดื่มเหล้าเกินขนาดจนช็อก ลูกสาวไม่ติดใจ

วันที่ 11 พ.ย. 2567 เวลา 10:35 น.

ผู้ต้องหาเมาขับ ดับปริศนาในห้องขัง หมอชันสูตรเบื้องต้น ดื่มเหล้าเกินขนาด จนช็อกเส้นเลือดในสมองแตก ลูกสาวเปิดใจไม่ติดใจสาเหตุ ให้เป็นตามกระบวนการกฎหมาย วันนี้ (11 พ.ย.67) เมื่อเวลา 05.30 น. ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ร.ต.ต.สมิทธิ์ สะแหม ปฏิบัติหน้าที่เป็นสิบเวรควบคุมห้องขังของ สภ.ชัยพฤกษ์ แจ้งเหตุผู้ต้องหาชายเสียชีวิตภายในห้องขัง จึงพร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรีบรุดตรวจสอบ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในห้องขัง สภ.ชัยพฤกษ์ เวลา 04.16 น. จับภาพผู้ต้องหานอนหงาย มีอาการคล้ายกระตุก 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปดูและพบว่าเสียชีวิตภายในห้องขัง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนายทองไสย์ อายุ 57 ปี  อาชีพเจ้าหน้าที่ประกันภัย ผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับ สภาพศพนอนหงายเสียชีวิต สวมเสื้อโปโลคอปกสีกรมท่า ถอดกางเกงยีนส์และสวมใส่แต่กางเกงชั้นใน เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต สิบเวรที่เข้าไปพบร่างผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้เสียชีวิตได้เข้าไปในห้องขังโดยได้มีการปลดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงใช้ฆ่าตัวตาย รวมถึงโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 เครื่องของผู้เสียชีวิต ซึ่งตลอดทั้งคืนได้ยินผู้เสียชีวิตนอนกรนเสียงดังจนกระทั่งช่วงตี 4  เสียงกรนหายไป จึงรีบเข้าไปดูพอเข้าไปจับตัวดูก็พบว่าเสียชีวิตไปแล้ว โดยมีลักษณะตัวเกร็ง มือแข็ง จึงรีบออกมาแจ้งเจ้าหน้าที่ ขณะที่ พ.ต.อ.สมชาย ชูแก้ว ผกก. สภ.ชัยพฤกษ์ เปิดเผยว่า ได้มีการแจ้งเหตุจากสิบเวรที่ดูแลห้องขัง เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาว่าผู้ต้องหาชายเสียชีวิตภายในห้องขัง คาดว่าเวลาเสียชีวิตประมาณตี 4 ตนจึงรีบเดินทางมาที่โรงพัก และตรวจภาพกล้องวงจรปิดปรากฏว่าชายคนดังกล่าวมาที่สภ. เนื่องจากเกิดเหตุขับรถยนต์เฉี่ยวชนกัน โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด135 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ ซึ่งผู้ต้องหาอยู่ในสภาพเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถเดินได้ เจ้าหน้าที่ต้องพยุงตัวผู้ต้องหา และแยกห้องขังไม่ให้อยู่รวมกับผู้ต้องหารายอื่น เนื่องจากกลัวว่าจะมีการกระทบกระทั่งกัน และหลักฐานจากกล้องวงจรปิดผู้ต้องหาได้เข้าไปในห้องขังและนอนปกติ จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณตี 4 สิบเวรได้เดินเข้าไปตรวจสอบดู พบว่าผู้ต้องหาอยู่ในลักษณะตัวแข็ง จึงรีบออกมาเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวร คาดว่าผู้ต้องหา น่าจะเสียชีวิตจากการไหลตาย หรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ยืนยันว่าไม่มีใครทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตและไม่ใช่การฆ่าตัวตาย ด้านภรรยาของผู้เสียชีวิต อายุ 56 ปี ได้เดินทางมาที่ สภ.ชัยพฤกษ์ หลังทราบข่าวว่าสามีเสียชีวิต ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในอาการตกใจ และติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของสามี เนื่องจากช่วงที่สามีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไม่ได้มีการโทรแจ้งทางครอบครัวเลย จนครอบครัวได้ติดต่อโทรหาตลอดทั้งคืน และมาทราบอีกทีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า สามีเสียชีวิตในห้องขัง ยอมรับว่าสามีดื่มเหล้าเป็นประจำ แต่ไม่เคยมีอาการผิดปกติอะไร และยืนยันว่าสามีไม่มีโรคประจำตัว ต่อมาเมื่อช่วงเวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ชีพ พร้อมทั้งฝ่ายปกครองในพื้นที่ พนักงานอัยการจังหวัด เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กำกับ สภ.ชัยพฤกษ์ และญาติของผู้ตาย ได้เข้าไปตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิต พร้อมกันภายในห้องขัง ซึ่งตามเนื้อตัวผู้เสียชีวิตไม่พบร่องรอยบาดแผลใด ๆ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำร่างผู้เสียชีวิต ส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ซ่อมสร้าง เพื่อผ่าพิสูจน์ ขณะที่ลูกสาวผู้เสียชีวิตได้เข้าไปดูร่างของพ่อ ออกมาถึงกับร้องไห้ เสียใจกับการจากไปของพ่อ โดยไม่มีคำร่ำลา ลูกสาวผู้เสียชีวิต อายุ 23 ปี เปิดใจกับทีมข่าวว่า พ่อนอนเสียชีวิตในสภาพที่มือทั้งสองข้างหดเกร็ง กำมือขึ้นไว้บริเวณที่หน้าอก โดยพ่ออยู่ภายในห้องขังเพียงคนเดียว และไม่มีบาดแผลใด ๆ ตามร่างกาย แพทย์ได้ตรวจสอบเบื้องต้นบอกว่า น่าจะเกิดจาก การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายปริมาณมาก ทำให้ช็อกเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งตนเองได้พูดคุยกับพ่อครั้งสุดท้ายช่วงบ่ายของวานนี้ พ่อแจ้งว่าจะไปธุระที่ทำงานในจังหวัดปทุมธานี ก่อนที่พ่อจะไปธุระก็ได้ดื่มแอลกอฮอล์ไปประมาณ 2-3 ขวดก็มีอาการเมาเล็กน้อย โดยตนและแม่ไม่ได้ติดต่อพ่อเลย เพราะปกติพ่อก็จะออกไปที่ทำงานแบบนี้เป็นประจำ และช่วงเวลาที่พ่อเกิดอุบัติเหตุและเดินทางมาที่สถานีตำรวจ พ่อก็ไม่ได้โทรมาหาแม่และตนเอง เมื่อวานนี้ตนเองก็เข้านอนเร็ว จึงไม่มีใครติดต่อไปหาพ่อ กระทั่งตอนเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาบอกว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ตนก็ตกใจรีบเดินทางมาดู ตอนนี้ยอมรับว่า ไม่ติดใจใด ๆ กับประเด็นการเสียชีวิตของพ่อก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย