แจงเงิน 71 ล้าน ทนายตั้มยันไม่ได้ฉ้อโกง มีหลักฐานซื้อรถเบนซ์-จ้างออกแบบโรงแรม
วันที่ 10 พ.ย. 2567 เวลา 16:34 น.
ทนายสายหยุด เผยแนวทางสู้คดีเงิน 71 ล้าน มีหลักฐานซื้อรถเบนซ์-จ้างออกแบบโรงแรม ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง วันนี้ (10 พ.ย.67) นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการต่อสู้คดีของทนายตั้มว่า ตอนนี้ตำรวจแจ้งข้อหาทนายตั้ม 3 ข้อหา ตามการกระทำผิด 3 ครั้ง ครั้งแรกคือปมเงิน 71 ล้านบาท ที่ทนายตั้มอ้างว่านางจตุพร หรือเจ๊อ้อย ให้ด้วยความเสน่หา ครั้งที่ 2 คือเงิน 13 ล้านบาท ที่นำไปซื้อรถเบนซ์ให้เจ๊อ้อย และเงินค่าออกแบบโรงแรมอีก 9 ล้านบาท ส่วนเงิน 39 ล้านบาท ที่จัดหาศิลปินมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหา สำหรับประเด็นเงิน 71 ล้านบาทที่ได้มา ทนายตั้มให้ข้อมูลกับตนว่าเป็นเงินที่เจ๊อ้อยให้มาทำธุรกิจ ซึ่งทนายตั้มได้ปรึกษาเจ๊อ้อยว่าจะทำธุรกิจหวยออนไลน์ แต่ขอทำเพียงคนเดียว ไม่ได้ชวนเจ๊อ้อยร่วมลงทุนด้วย เจ๊อ้อยจึงให้เงินก้อนนี้มาทำธุรกิจ โดยเจ๊อ้อยกับทนายตั้มคุยเรื่องนี้กันแต่ 2 คน ไม่มีบุคคลที่ 3 หรือพยานคนอื่นอยู่ด้วย และไม่มีการเซ็นสัญญาใด ๆ ซึ่งตนก็ตอบไม่ได้ว่าหลักฐานที่มีอยู่จะพอสู้คดีได้หรือไม่ แต่ทนายตั้มยืนยันกับตนว่าไม่ได้โกงแน่นอน และหากเจ๊อ้อยยืนยันว่าไม่ได้ให้โดยเสน่หา ส่วนตัวก็มองว่าหากจะบังคับให้ใช้หนี้จำเป็นต้องแจ้งความ หรือฟ้องร้องกันด้วยหรือ ส่วนเงิน 13 ล้านบาท ที่ทนายตั้มนำไปซื้อรถเบนซ์ให้เจ๊อ้อย ยืนยันว่ามีหลักฐานการซื้อขายโชว์รูม รถเบนซ์ราคา 12.9 ล้านบาท เป็นราคาตลาด และส่วนต่าง 1,500,000 บาท เป็นค่าคอมมิชชัน ทนายตั้มจึงได้เงินส่วนต่างนี้มา แต่ประเด็นนี้ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการซื้อขายรถไปให้การกับตำรวจอีกครั้ง เพราะเจ๊อ้อยบอกว่ารถราคาเพียง 8-9 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าใช่ ราคารถมือสองก็หลัก 10 ล้านบาทแล้ว จึงยืนยันว่าไม่ใช่การฉ้อโกง เพราะรถคันดังกล่าวต้องนำเข้ามา ไม่ได้มีขายตามโชว์รูมทั่วไป ส่วนเงิน 9 ล้านบาทเป็นค่าออกแบบโครงการก่อสร้างโรงแรม ตอนนั้นเจ๊อ้อยไม่ได้ให้เงินค่าที่ปรึกษารายเดือนกับทนายตั้มแล้ว เจ๊อ้อยจึงให้ทนายตั้มดูแลเรื่องนี้ ทนายตั้มจึงจ้างบริษัทออกแบบและจ่ายค่าจ้างตามจริงไป 3.5 ล้านบาท แต่ภายหลังเจ๊อ้อยยกเลิกการจ้าง ไม่ให้ทนายตั้มเข้าพื้นที่ จึงเหลือเงินอยู่ที่ทนายตั้ม 5.5 ล้านบาท ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมทนายตั้มถึงไม่คืนเงินก้อนที่เหลือให้เจ๊อ้อย ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ก็มองได้ 2 มุม คือเป็นเงินค่าจ้าง ซึ่งจากหลักฐานที่มีทั้ง 2 เรื่อง หากศาลยกคำร้องทนายตั้มและภรรยาก็จะไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงเป็นปกติธุระและการฟอกเงิน