นาทีรวบ ทนายตั้ม-ภรรยา โกงเงิน 71 ล้านบาท
วันที่ 8 พ.ย. 2567 เวลา 06:25 น.
เช้านี้ที่หมอชิต - คำภาวนาของ "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" ทันตา "ทนายตั้ม และภรรยา" ถูกตำรวจตามจับกุมขณะค้านประกันตัวนอนคุกกองปราบเรียบร้อย เป็นคลิปขณะที่ ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมภรรยา นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ถูกตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจทางหลวง สกัดจับกุมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังขับรถปอร์เช่ สีน้ำตาล แต่งชุดสีขาว อ้างว่าจะไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดสระแก้ว ปฏิบัติการนี้ตำรวจสะกดรอยตามตั้งแต่ ทนายตั้ม ขับรถออกจากบ้านพักย่านตลิ่งชัน เวลา 09.00 น. ซึ่ง ศาลฯ อนุมัติหมายจับ เวลา 11.00 น. ทนายตั้ม ขับเข้าไปในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จอดรถรับประทานอาหารเที่ยง เมื่อขับมาถึงจุดที่มีการสกัดจับ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม เพราะมีแนวโน้มจะหนีออกนอกประเทศ เนื่องจากห่างไปอีก 139 กิโลเมตร ก็ถึงด่านพรหมแดนบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว รถของทนายตั้ม คือ รถปอร์เช่ สมรรถนะรถของตำรวจเทียบเท่าไม่ได้ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก จึงมีการสกัดจับ หลังรถของทนายตั้ม พบกระเป๋าเดินทาง ขนาดประมาณ 20 นิ้ว ชุดเครื่องนอน และซองเอกสาร หลังอ่านหมายจับ จึงนำตัวกลับมาที่กองปราบปราม เมื่อ ทนายตั้ม และภรรยา ถูกคุมตัวไปสอบสวนที่กองปราบปรามเดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชน ไม่มีการตอบคำถามใด ๆ ทนายตั้ม ถูกแจ้ง 3 ข้อหา ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงินฯ ส่วน ภรรยาทนายตั้ม ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงินฯ ขณะเดียวกัน ตำรวจไปตรวจค้นบ้านพักหรูของทนายตั้มที่จังหวัดสมุทรสาคร และบ้านหรูย่านตลิ่งชัน บ้านหลังนี้เป็นชื่อของภรรยาของทนายตั้ม นำเงินที่ได้จาก มาดามอ้อย 71 ล้านบาท มาซื้อในราคา 40 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือ ตำรวจบอกว่าอยู่ในบัญชี และอายัดไว้หมดแล้ว การตรวจค้นบ้าน นานกว่า 2 ชั่วโมง ตำรวจได้ยึดกระเป๋าแบรนด์เนมกว่า 10 ใบ และเก็บเอกสารหลักฐาน ไปมาตรวจสอบ ตำรวจแยก ทนายตั้ม และภรรยา สอบปากคำคนละห้อง 5 ชั่วโมง โดย พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ทั้งคู่ให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี และผู้ต้องหามีพฤติกรรมไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หลังสอบสวนนานกว่า 10 ชั่วโมง เวลาประมาณเที่ยงคืน ตำรวจได้คุมตัว ทนายตั้ม และภรรยา ลงไปควบคุมผู้ต้องหา ชั้น 1 ทนายตั้ม สีหน้าเรียบเฉย และไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน ทนายความของทนายตั้ม บอกว่า ทนายตั้ม ไม่เครียด เพราะเตรียมตัวถูกตำรวจจับมา 5 วัน ส่วนภรรยาของทนายตั้ม เครียด เพราะเป็นผู้หญิง ไม่คิดว่าจะต้องเข้าห้องขัง ทางทนายความเตรียมหลักทรัพย์ไว้ประกันตัวแล้ว คดีฉ้อโกง มาดามอ้อย 71 ล้านบาท เป็นสารตั้งต้น นำไปสู่การออกหมายจับ ทนายตั้ม และภรรยา อีก 3 คดี หลังพบว่ามีการโกงเงินสกุลดิจิทัล 39 ล้าน, ยักยอกเงินส่วนต่างรถเบนซ์ 13 ล้านบาท และยักยอกเงินค่าออกแบบก่อสร้างโรงแรม 9 ล้านบาท นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เผยว่า 6 ปีที่รอคอยมาถึง พฤติการณ์ที่หลอกลวงมาดามอ้อย คือโจรในคราบนักกฎหมายพฤติกรรมนี้เกิดมานานแล้ว และเป็นกฎแห่งกรรมที่จะต้องได้รับ เชื่อว่า ทนายตั้มและภรรยาไม่ได้รับการประกันตัว และแย้มมาว่าจะเปิดคดีที่ 5 อยู่ระหว่างประสาน มาดามอ้อย ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ยอมรับ ที่ต้องกลับลำ เพราะมีหลักฐานชัดเรื่องสแกมเมอร์ ผู้ต้องหาบางคนเป็นสแกมเมอร์ มาหลอกผู้เสียหายให้จ่ายแคชเชียร์เช็ค แล้วนำไปเบิกเงินสดแล้วก็นำไปแบ่งกัน พร้อมแก้เก้อว่า บางทีเราอาจหลงทางบ้าง พอเลี้ยวกลับก็ไม่เป็นไร เคยเลี้ยวกลับมาหลายคดีแล้ว ทนายเดชา ยังได้ต่อสายตรงถึง ครูปรีชา ใคร่ควรญ เคยมีประเด็นกันเรื่องสลากฯ 30 ล้านบาท ครูปรีชา บอกว่าวันนี้ (8 พ.ย.) จะนำข้าวผัดกับโอเลี้ยง ไปฝาก ทนายตั้ม ที่กองปราบ เวลา 10.00 น. ไปในฐานเพื่อนร่วมห้อง ไม่ได้ไปเย้ย พร้อมบอกว่า มนุษย์ทุกคนเป็นไปตามกรรม ทนายตั้ม ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับ แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ เมื่อวานนี้ได้ไปสืบพยานคดีแตงโม ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี พร้อมเพื่อน หลังทราบข่าวว่า ทนายตั้ม ถูกจับ เจ้าตัวบอกว่า รู้สึกปลื้ม มีกำลังใจในการสืบพยานเรื่องของตัวเองมากขึ้น ในที่สุดแล้วความยุติธรรมก็มีอยู่จริง กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ส่วน หนึ่ง บางปู บอกว่า สิ่งที่เธอจุดธูปขอพรท้าวเวสสุวรรณไปเมื่อวานนี้ เห็นผลทันตา ส่วนที่เคยบอกไว้ว่า จะนำข้าวผัดโอเลี้ยงไปเยี่ยมทนายคนดัง อยากจะไปจริง ๆ แต่กลัวจะไปเกะกะ เลยคิดว่าไม่ไปดีกว่า ถามว่าสงสารไหม บอกเลยว่า ไม่สงสาร เข้าใจสัจธรรมชีวิต กรรมเกิดจากการกระทำของเขา ขอให้ยอมรับความจริงให้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางรอด