กู้เงินหลักแสนบาท หนี้พุ่งหลักล้านบาท
วันที่ 7 พ.ย. 2567 เวลา 11:32 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง - มีเคสหนึ่งเกิดขึ้นที่ จังหวัดร้อยเอ็ด กู้หลักแสนบาท แต่หนี้โผล่หลักล้านบาท วงในบอกเป็นการยื่นกู้ในลักษณะสินเชื่อเงินทอน แต่ทอนกันไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ สุดท้ายเป็นเรื่อง คำถามคือตกลงว่าธนาคารต้นสังกัดจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไหม ไปไล่เรียงกัน ชาวบ้านที่ตำบลกู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ร้องสื่อมวลชนช่วย บอกกินไม่ได้นอนไม่หลับ มาหลายคืน หลังไปกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง วงเงินไม่กี่แสนบาท ผ่านไป 1 ปี ยอดหนี้โผล่เป็น 1-3 ล้านบาท ทีมข่าวสอบไปได้ข้องมูลจาก วงใน มาว่า สาเหตุที่ธนาคารต้นสังกัดนิ่ง เป็นเพราะสืบทราบ และมีหลักฐานชัดว่า เป็นปัญหาระหว่างบุคคล ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากัน เพื่อขอสินเชื่อเกินกว่าความต้องการ เรียกกันว่า สินเชื่อเงินทอน เช่น จะขอกู้เงินแค่ 550,000 บาท แต่ขีดความสามารถของผู้กู้อาจจะยื่นกู้ได้มากกว่านั้น ก็อาจเจรจายื่นเอกสาร และอาจตกลงแบ่งส่วนต่างกัน ในกรณีนี้ไม่รู้เจ้าหน้าที่ ไปเจรจานอกรอบอย่างไร แบ่งเงินไม่ลงตัว หรือ ยอดเงินที่จะแบ่งกัน เจ้าหน้าที่อาจหลอกชาวบ้านเป็นค่าธรรมเนียมหรือไม่อย่างไร บางทีก็รู้เห็นกันทั้ง 2 ฝ่าย อีกคนอยากได้เงินกู้ อีกคนอยากกินส่วนต่าง หวังจะนำเงินส่วนเกินมาแบ่งกัน แต่สุดท้ายผลประโยชน์ ไม่เป็นไปตามที่ตกลง ก็เลยเป็นเรื่อง คนแรกนายพัลลภ ยื่นกู้เงิน 550,000 บาท โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิง ดำเนินการเรื่องเอกสารให้เซ็นชื่อ จนปี 2565 ทางธนาคารส่งเอกสารมาแจ้งยอดหนี้ จำนวน 1 ล้านบาท อีกคนคือนายทองมี ขอกู้เงิน 7.5 แสนบาท เจ้าหน้าที่คนเดียวกันดำเนินการให้ ไป ๆ มา ๆ ยอดหนี้พุ่งไป 3,000,000 บาท ไม่ต่างจากนางบัวไข กู้ 200,000 บาท ยอดโผล่เป็น 1,100,000 บาท ทั้งหมด เป็นเหตุผลที่ชาวบ้าน พากันไปร้องธนาคาร แต่ธนาคารบอก สาเหตุมาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่ ถือเป็นความผิดส่วนบุคคล ให้ไปไล่บี้เอาเอง ซึ่งเรื่องนี้ผู้ใหญ่บ้านเขาก็พากันไปร้องทุกข์ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิ์ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด