ยุทธการชิงทำเนียบขาว 2024 : นโยบาย ทรัมป์ ซื้อใจชาวอเมริกัน

วันที่ 6 พ.ย. 2567 เวลา 21:59 น.

ประเด็นเด็ด 7 สี - หากทรัมป์ได้รับรองผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เขาจะกลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์การเมืองให้กับสหรัฐฯ กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก ที่มีคดีอาญาติดตัว, คนแรกที่ถูกยื่นถอดถอน 2 ครั้ง และเป็นคนแรกในรอบกว่า 100 ปี ที่ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย แบบไม่ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์จะมีคดีอาญาติดตัว แต่รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ไม่มีข้อห้ามว่า ผู้ถูกฟ้องร้อง หรือ ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีต่าง ๆ ห้ามลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หากเราเทียบนโยบาย ทรัมป์เมื่อปี 2016 / 2024 เรียกได้ว่า แทบจะไม่แตกต่างกัน โดยทรัมป์ยังคงชูสโลแกน "Make America Great Again" อเมริกาต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และยังคงมีนโยบายกีดกันผู้อพยพ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสร้างกำแพงกั้นพรมแดนติดกับเม็กซิโก ในปี 2016 หรือการประกาศกร้าวว่า จะมีการเนรเทศผู้อพยพออกนอกประเทศครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของ สหรัฐฯ ในปี 2024 และ "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) ไม่ว่าจะดำเนินนโยบายด้านไหน ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ต้องมาเป็นอันดับแรก จุดนี้เองที่ทำให้ชาวอเมริกันที่เหนื่อยล้าจากภาวะทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และอัตราว่างงานสูง หันมาเลือกทรัมป์อีกครั้ง สำหรับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับไทย หากทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายงานวิเคราะห์ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ระบุว่า อาจมีการย้ายฐานการลงทุนมาไทยเพิ่มขึ้น เพราะภาษีการค้าที่กำหนดต่อจีน จะกระตุ้นให้บริษัทจีนย้ายกิจการไปยังประเทศอื่น ช่วยเสริมสร้างอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และดิจิทัล อย่างไรก็ตาม อาจมีผลกระทบด้านลบด้วย โดยเฉพาะการส่งออกของไทยเสี่ยงโตช้า จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และความกังวลว่าการค้าระหว่างประเทศจะหยุดชะงัก ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มอง การเลือกตั้งครั้งนี้ มีนัยยะต่อเศรษฐกิจไทย ถือเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าไทย ที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทย ผ่านมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า และการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม สินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์, เซมิคอนดักเตอร์, ยางล้อ และกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าปานกลางเช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์  โดยภาครัฐและผู้ประกอบการต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันในการรับมือกับนโยบายที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ด้านเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยืนยันว่า ไม่ว่าผู้ใดจะขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก็จะยังคงแข็งแกร่งเช่นเดิมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน ความมั่นคง การศึกษา และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน