พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้เชิญไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
วันที่ 6 พ.ย. 2567 เวลา 20:05 น.
เวลา 17.09 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จไปวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร โอกาสนี้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระศรีศากยมุนี และภาพพระสุนทรีวาณี แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารหลวง จากนั้น เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้เชิญไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งเป็นพระอารามหลวง หนึ่งใน 18 พระอาราม ที่มีพระราชดำริ ให้จัดพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน หรือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระบรมวงศานุวงศ์ และองคมนตรี เชิญผ้าพระกฐิน ไปทอดถวายหลังเทศกาลออกพรรษาตามโบราณราชประเพณี โดยเรียกว่า กฐินหลวง คือ การยกผ้าพระกฐินถวายแด่พระสงฆ์ รูปใดรูปหนึ่งซึ่งอยู่จำพรรษาภายในพระอารามจนครบ 3 เดือน โดยไม่เจาะจงผู้รับตามพระวินัยบัญญัติ อันเป็นการเสริมกำลังค้ำจุนรากฐานพระพุทธศาสนาให้มั่นคงเข้มแข็ง วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เดิมชื่อว่า "วัดมหาสุทธาวาส" ตั้งอยู่ใจกลางพระนคร สร้างขึ้นเมื่อปี 2350 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แล้วเสร็จสมบูรณ์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า โดยพระราชทานนามว่า "วัดสุทัศนเทพวราราม" ปัจจุบัน มีพระพรหมวชิรมุนี เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์และสามเณร จำพรรษา รวม 92 รูป ภายหลังทรงบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐินแล้ว เสด็จออกชานหน้าพระอุโบสถ ประทานพระวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาที่บริจาคเงินสนับสนุนวัด และสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เฝ้ารับของที่ระลึก วัดสุทัศนเทพวราราม มีสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระวิหาร ได้รับอิทธิพลมาจาก วิหารพระมงคลบพิตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันประดิษฐาน พระพุทธศรีศากยมุนี หรือ พระโต ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ในสมัยรัชกาลที่ 1 นอกจากนี้ ที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์ของพระศรีศากยมุนียังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ส่วนพระอุโบสถ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งออกแบบให้มีขนาดใหญ่สง่างาม นับเป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระประธานพระอุโบสถ นอกจากนี้ ยังมีปูชนียสถานสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ สัตตมหาสถาน ที่จำลองสถานที่สำคัญ 7 แห่ง หลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว และวิหารคตหรือระเบียงคต สร้างล้อมรอบพระวิหาร จำนวน 4 หลัง ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความงดงามและทรงคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม ได้รับการขนานนามว่าเป็นวัดที่มีการวางผัง ได้สัดส่วนงดงามที่สุดอีกด้วย