รวบการ์ดหัวร้อนชกหน้า รปภ.คาสนามบิน ภาพวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน

วันที่ 6 พ.ย. 2567 เวลา 19:25 น.

รวบการ์ดหัวร้อน ชกหน้ารปภ.สนามบิน หลัง รปภ.ตักเตือน ให้เคลื่อนรถออกจากจุดเกิดเหตุ เพราะจอดรถเกินเวลา จะส่งผลให้การจราจรคับคั่ง ขณะที่ การ์ด ผู้ก่อเหตุ ยอมรับทำจริง เพราะระหว่างรอรับลูกค้า VIP ต่างชาติ รปภ.ให้ขยับรถออกทันที แม้แจ้งว่าขอจอดอีก 2 นาที รปภ.ก็ไม่ยอม และขึ้นเสียงใส่ ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประตู 4 ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้า จับภาพได้ในขณะที่มีชายแต่งกายชุดสูทสีดำ ผมเกรียนคล้ายกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินปรี่เข้าไปชกเข้าที่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานนายหนึ่งที่ใบหน้าอย่างจัง จนเจ้าหน้าที่นายนี้ถึงกับเซถอยหลัง จากนั้นเจ้าที่ รปภ.นายอื่น ได้เข้าห้ามปรามและวิทยุแจ้งศูนย์สุวรรณภูมิ เพื่อขอกำลังเสริมจากชุดเคลื่อนที่เร็วของศูนย์ปฏิบัติการพิเศษท่าอากาศยานเข้าระงับเหตุ และควบคุมตัวชายคนดังกล่าวมายัง สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเข้าสู่ขบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 6 พ.ย.67 ล่าสุด ที่สภ.ส่วนหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยการท่าและผู้เกี่ยวข้อง พาตัว จ่าอากาศเอก ธนกฤต  อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้บาดเจ็บถูก นาย วรวิทย์ อายุ 41 ปี ชายชุดสูทสีดำตามภาพวงจรปิด ทำร้าย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนของสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายวรวิทย์ ในข้อหา ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ในขณะปฎิบัติหน้าที่   จ่าอากาศเอก ธนกฤต เล่าให้ฟังว่า ตนเองเข้าเวรปฎิบัตหน้าที่ดูแลและรักษาความปลอดภัยรวมถึงการจราจรที่หน้าอาคารผู้โดยสารขาเข้า  ซึ่งเข้าเวรตั้งแต่ 08.00 น.ที่ผ่านมา ขณะกำลังเข้าเวรตั้งแต่เช้ามาก็สังเกตว่ามีรถตู้ Toyota Alphard สีดำคันหนึ่งมาจอดรอรับลูกค้าบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีการวนมาจอดรถรับหลายครั้ง ตอนแรกก็ไม่ได้เข้าไปห้ามปราบ เพราะเห็นว่าช่วงเวลานั้นรถและการจราจรไม่มาก จนกระทั่งช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุไม่นาน เป็นช่วงที่การจราจรคับคั่ง และเห็นว่ารถตู้คันนี้มาจอดเกินเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการจราจรติดขัดตนจึงเดินไปตะโกนบอกให้เลื่อนรถออกจากจุดดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นสังเกตว่ามีชายแต่งกายคล้ายการ์ดนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ และภายในรถรวม 3 คน ด้วยความที่คนขับเขานั่งปิดประตู และปิดกระจกในรถตนจึงต้องตะโกนเสียงดังหลายครั้ง ทำให้ชายคนขับหรือคู่กรณีไม่พอใจเดินลงมาชกเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง ยืนยันตนเองไม่ได้หยาบคายใส่หรือเข้าไปหาเรื่องคู่กรณีก่อน เพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ด้าน นางสาว ยัสมิน มูซอ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกนายที่อยู่ตรงนั้น ออกมายืนยันว่าฝ่ายของเจ้าหน้าที่รปภ.ไม่ได้ใช้คำหยาบคายอะไร ตอนแรกต้นก็เดินไปไร่ก่อนเขาก็บอกว่า ขอแป๊บเดียวลูกค้ามาแล้ว ต้นก็ไม่ได้อะไรหลังจากนั้นหัวหน้าก็เดินไปไล่อีกรอบ ตามที่หัวหน้าบอก หัวหน้าก็ไม่ได้หยาบคายอะไรเลย แค่ขึ้นเสียง แต่ก็ไม่ได้หยาบคายอะไร เพราะว่าไหนจะเสียงรถเสียงแตรเสียงนกหวีด ถ้าไม่เสียงดัง ถ้าพูดเบาๆเขาก็ไม่ได้ยิน เพราะเขาปิดกระจกรถ ก่อนที่เขาจะลงมาจากรถคนเดียวแล้วทำร้ายหัวหน้า โดยปกติตรงชานชาลาสามารถมารับผู้โดยสารได้ แต่ต้องให้ผู้โดยสารมารอที่ข้างหน้า ไม่สามารถจอดรอจอดคอยได้ ก็คือรถมาถึงก็ต้องขึ้นเลย แต่ฝ่ายนั้นจะขอจอด ส่วน นาย วรวิทย์ การ์ดหัวร้อน ที่ก่อเหตุครั้งนี้ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ตนเองยอมรับว่าพลาดที่ลงมือก่อเหตุจริง โดยตนเองและเพื่อนที่เป็นการ์ดด้วยกัน มาทำหน้าที่รอรับลูกค้า VIP ต่างชาติ  แต่นายธนกฤต อ้างว่า อีกฝ่ายใช้ถ้อยคำค่อนข้างหยาบคาย มาแจ้งว่าให้ตนขยับรถออกทันที ตอนนั้นตนพยามขอว่า ขอจอดรอลูกค้าอีกไม่เกินสองนาที แต่คู่กรณีบอกว่าไม่ได้ให้ออกเลย ถามว่าจุดดังกล่าวทราบหรือไม่ ถึงกฎระเบียบของสนามบิน เจ้าตัวบอกว่าทราบดี แต่จะขอความร่วมมือและความสะดวกนิดเดียว เพราะลูกค้าเดินพ้นประตูกำลังจะถึงรถแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอม แล้วถามกลับมาใส่ตนว่าแล้วมึงจะทำไม ตนจึงตอบกลับไปว่า แล้วมึงจะมีอะไรกับกู ทำให้เขาเดินวนมาหาตนเองข้างรถอีกฝั่ง ตนเองก็ลงจากรถเดินวนหาเขาเช่นกัน  จนกระทั่งมาเจอกันที่ฝั่งขวาของรถ ซึ่งอีกฝ่ายเดินปี่เข้ามาหาแล้วชนตนเอง จึงทำให้ตนเองหัวร้อนขึ้นมาชกเข้าที่ใบหน้าของคู่กรณีไปหนึ่งครั้ง ตามสัญชาตญาณของคนทำงานรักษาความปลอดภัย พอชกไปครั้งหนึ่งตนเองก็ถอยออกมาตั้งหลัก เพราะตนเองไม่มีเจตนาจะทำร้ายเขา อย่างไรก็ตาม ภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า หลังจากที่ผู้ก่อเหตุเปิดฉากชกใส่หน้าเจ้าหน้าที่แล้วครั้งหนึ่ง เจ้าตัวยังไม่หยุดและเป็นฝ่ายเดินปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ต่อ หลังจากนั้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่นายอื่นพยามแยกทั้งสองฝ่ายออกห่างกัน แต่ผู้ก่อเหตุยังตามไปชกเข้าอีกครั้ง จนต้องกันตัวออกมาอย่างวุ่นวายท่ามกลางสายตาของแขก VIP และผู้โดยสารท่านอื่นคาสนามบิน ยอมรับว่าที่ชกไปนั้น เพื่อเป็นการป้องกันตัว เบื้องต้นทางด้านพนักงานสอบสวนได้เชิญทั้งสองฝ่ายสอบปากคำอย่างละเอียด และแจ้งข้อกล่าวหาต่อ นาย วรวิทย์  คือ ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ในขณะปฎิบัติหน้าที่  พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลตามขบวนการขั้นตอนของกฎหมายต่อไป