มาดามอ้อย แจ้งเอาผิด ทนายตั้ม 4 คดี

วันที่ 6 พ.ย. 2567 เวลา 16:41 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - "นายปาานเทพ" แถลงจับพิรุธ "ทนายตั้ม" เลี่ยงตอบปมภาษี กรณีได้รับเงิน 71 ล้านบาท แถมยังแฉเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ว่าแท้ที่จริงไม่เกี่ยวกับสแกมเมอร์ดูดเงิน แต่ "ทนายตั้ม" เป็นคนพากลุ่มเพื่อนมาร้องไห้ต่อหน้า "มาดามอ้อย" อ้างว่าดูดเงิน ทำให้ "มาดามอ้อย" โอนเงินให้ 39 ล้านบาท พร้อมระบุว่า ล่าสุด "มาดามอ้อย" แจ้งดำเนินคดี "ทนายตั้ม" แล้ว 4 คดี มาดามอ้อย แจ้งเอาผิด ทนายตั้ม 4 คดี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต แถลงว่า ปัจจุบัน มาดามอ้อย แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ใน 4 คดี คือ 1.คดีหลอกให้โอนเงิน อ้างว่าเป็นค่าทำสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท 2.คดีที่ ทนายตั้ม หลอกให้โอนเงินให้คนใกล้ชิด 39 ล้านบาท 3. คดีที่ให้เงิน ทนายตั้ม ไปซื้อรถเบนซ์ 13 ล้านบาท แต่จ่ายเงินจริงไม่ถึง มีค่าส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท ในการแถลงข่าว นายปานเทพ แถลงว่า มี 3 คดี แต่ล่าสุด นายปานเทพ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า พี่อ้อย ได้แจ้งความ ทนายตั้ม และพวก เพิ่มอีก 1 คดี คือ คดีจ้างออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท แต่ค่าออกแบบมูลค่าจริง 3.5 ล้านบาท ส่วนต่าง 5.5 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 117 ล้านบาท "ปานเทพ" จับพิรุธ "ทนายตั้ม" ปมภาษี-เงิน 39 ล้านบาท นายปานเทพ กล่าวว่า ในเรื่องของภาษีที่ได้รับหลังจากได้เงิน 71 ล้านบาท เมื่อวานนี้ ทนายตั้ม ตอบอย่างตะกุกตะกัก พูดแค่ว่าจะต้องจ่าย 5% ขณะนี้อยู่ในกระบวนการ มองว่าประเด็นนี้ ทนายตั้ม มีพิรุธ และไม่ได้พูดว่าจ่ายภาษีไปแล้วหรือยัง และต้องจ่ายเท่าไร ก่อนจะตัดตอนแล้วไปพูดเรื่องอื่น ส่วนเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ที่ ทนายตั้ม อ้างว่า มาดามอ้อย เต็มใจจ่ายเองให้กับดาราจีน ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นสแกมเมอร์ดูดเงินไปนั้น นายปานเทพ บอกว่า เป็นคนละขั้นตอนกับเงิน 39 ล้านบาท ที่หายไป เพราะการโอนเงินคริปโท 39 ล้านบาท ได้ เพราะ ทนายตั้ม พาคนชื่อ นุ และ สา มารับงานในการโอนเงินสดให้กลายเป็นคริปโท มีข้อมูลว่า มาดามอ้อยจ่ายเงินให้กับสแกมเมอร์แค่ 2 ครั้ง ก่อนที่ กลุ่มของทนายตั้ม และเพื่อน จะอ้างว่าถูกอายัดบัญชีและถูกดูดเงิน ซึ่ง ทนายตั้ม กับเพื่อน ได้ทะเลาะกันต่อหน้า มาดามอ้อย ร้องไห้ จนทำให้ มาดามอ้อย รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของ มาดามอ้อย ทำให้ มาดามอ้อย โอนเงินให้ นางสาวสา เพื่อนทนายตั้ม ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 เป็นเงิน 39 ล้านบาท จากนั้น ทนายตั้ม แนะให้ไปแจ้งความ เพื่อให้สอดรับกับเงินที่โอนเงิน ต่อมา นางสาวสา ก็ไปแจ้งความจริงที่ สน.แห่งหนึ่งในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ว่า โอนเงินไปให้บุคคลไม่ทราบชื่อสกุล ใช้วิธีสแกนคิวอาร์โค้ด โอนผ่านบิตคอยน์ 7 ครั้ง ยอดความเสียหายรวมกว่า 2.2 ล้านบาท ปรากฏว่าหลังจากนั้นทุกบัญชีที่เชื่อมกระเป๋าออนไลน์ถูกระงับบัญชี ไม่สามารถเข้าถึงได้จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบ จะสังเกตว่าไม่ได้มีการแจ้งความในยอด 39 ล้านบาท โดย ทนายตั้ม พูดตัดตอนว่า ตัวเองไม่รู้เรื่อง และจะเป็นได้หรือที่ ทนายตั้ม จะไม่รู้เรื่อง เพราะ ทนายตั้ม เป็นคนพา นายนุ และ นางสาวสา มาแนะนำเอง ยืนยันว่า เรื่องเงิน 39 ล้านบาท เป็นคนละเรื่องกับเรื่องสแกมเมอร์ แต่เป็นฝีมือของคนไทยกันเอง "สนธิ" จ่อยื่นร้องมรรยาท "ทนายตั้ม" สัปดาห์หน้า นายปานเทพ บอกว่า การดำเนินคดีกับทนายตั้มในขณะนี้ มุ่งเน้นไปที่เรื่องฉ้อโกงต่อกัน เป็นการทำซ้ำกันหลายครั้งอาจจะเข้าข่ายความผิดการฟอกเงินด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะต้องไปตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดและท้ายที่สุดอาจถูกอายัดทรัพย์สิน       นอกจากเรื่องของคดีความแล้ว ยังมีเรื่องมรรยาททนายความที่กำลังจะเดินหน้าเอาผิดทนายตั้มในสัปดาห์หน้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล และทีมงานจะไปร้องมรรยาททนายความของ ทนายตั้ม ที่มีการเปิดเผยข้อมูลของ มาดามอ้อย ซึ่งเป็นลูกความ ทนายตั้ม กลับนำความลับที่ มาดามอ้อย ถูกรางวัลมาเปิดเผย ซึ่งเป็นการเปิดเผยความลับของลูกความ ขณะนี้มีคนส่งข้อมูลเข้ามายังเพจสนธิทอล์คอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการรวบรวมหลักฐาน และนำไปร้องที่เดียวให้สมบูรณ์ "ปานเทพ" เชื่อ "ทนายตั้ม" รู้ตัวจะถูกออกหมายจับ นายปานเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ทนายตั้ม แถลงข่าวพาดพิงสื่อ และตำรวจว่าคุกคาม จากที่ได้ตามดูข้อเท็จจริง คิดว่าตำรวจยังไม่ได้ทำหน้าที่เกินเลย แต่ ทนายตั้ม ที่สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของสื่อและตำรวจถือว่าไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งห้ามสื่อซักถามถือว่าผิดปกติ ทนายตั้ม ปรากฏว่าตัวเมื่อวาน อาจจะมีเจตนาเพื่อแสดงว่า ไม่หนีไปไหน และเชื่อว่าตัวเองอาจจะถูกหมายจับ การปรากฏตัวจึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นเทคนิคทางกฎหมายที่หวังจะไม่ถูกออกหมายจับ "อัจฉริยะ" แฉเงิน 39 ล้านบาท อยู่กับ "ทนายตั้ม" ขณะที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม บอกว่า สิ่งที่ ทนายตั้ม ออกมาแถลงเรื่องเงิน 39 ล้านบาท เป็นการพูด "โกหกหน้าตาย" และที่ทนายตั้ม บอกว่า ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พยายามโยนให้ไปที่ นุ กับ สา สามีภรรยา คนที่เบิกเงินให้ ทนายตั้ม คือ น้องอักษรย่อ ม. ชื่อคล้ายนักแสดง ที่ทนายตั้ม เคยช่วยคดียาเสพติด เป็นคนไปเบิกเงินให้ทนายตั้ม แล้ว ทนายตั้ม ก็ได้เงินไป 39 ล้านบาทและเงินอยู่ที่ ทนายตั้ม ไม่ได้อยู่ที่ นุ หรือ สา เงินอยู่ที่ ทนายตั้ม คนเดียว นายอัจฉริยะ ยังบอกว่า น้อง ม.เกี่ยวพันกับทนายตั้ม หลายเรื่อง เรื่องการออกแบบโรงแรม น้อง ม. ก็เป็นคนไปดิวกับสถาปนิกผู้ออกแบบ ขณะนี้ น้อง ม. ก็สอบปากคำอยู่กับตำรวจปราบปราม ยืนยันว่าเป็นคนเบิกเงินให้กับทนายตั้ม 39 ล้านบาท ส่วนความสัมพันธ์ของทนายตั้มกับ น้อง ม.เป็นเหมือนกับลูกจ้างนายจ้าง ซึ่งน้องม.เป็นพยานอีกคนที่เป็นคนสนิทของทนายตั้ม นอกจาก เบียร์ ส่วนเมื่อวานนี้ที่ ทนายตั้ม ฝากบอกว่า อัจฉริยะก็คืออัจฉริยะ นั้น อยากฝากบอกกลับไปว่า “เลิกโกหกหน้าตายได้แล้ว 6 ปีที่ผ่านมาก็โกหกแบบนี้ โกหกซ้ำซาก มาตลอด” ส่วนตัวเชื่อว่าทนายตั้ม ไม่รอด ทุกเรื่อง "อัจฉริยะ" จ่อแฉ "ทนายตั้ม" เพิ่ม เชื่อจุดจบอยู่คุก นายอัจฉริยะ บอกว่า ดูจากแววตาทนายตั้ม ดูมีความกังวลเรื่องจะถูกออกหมายจับเป็นอย่างมาก แม้ว่า ตน กับ ทนายตั้ม จะเคยทำสัญญาสงบสุขกันเมื่อไม่นานมานี้ หากจะตัดขาดความสัมพันธ์กันอีกครั้งก็ไม่ได้กังวล ตอนนี้ทนายตั้มฟังได้เพียงแค่ 2 เพลงเท่านั้น คือ เพลงโกหกหน้าตาย และ เพลงใจจะขาด ซึ่งในวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้ เตรียมแฉ ทนายตั้ม เรื่องการปลอมแปลงสูติบัตร และบัตรประชาชน ที่เป็นข่าวดังเมื่อปลายปี 2566 นายอัจฉริยะ ยังยืนว่า ภายในสัปดาห์นี้ พนักงานสอบสวนสามารถออกหมายจับทนายตั้มกับพวกได้อย่างแน่นอน เพราะสอบปากคำ นางสาว ม.ม้า แล้ว ซึ่งเป็นพยานปากสุดท้ายที่มีความสำคัญมาก จุดจบของ ทนายตั้ม ก็คือ เรือนจำสถานเดียว จากนี้คงไม่มีรูปถ่ายคู่กันอีก เพจดังเปิดหลักฐานแจ้งความโอนแค่ 2 ล้านบาท ในเรื่องของเงิน 39 ล้าน เพจเฟซบุ๊กดาวแปดแฉก ได้โพสต์หลักฐานการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เป็นการโอนเงินบิตคอยน์ให้ใครก็ไม่รู้ รวมกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อมูลเดียวกับที่ นายปานเทพ ออกมาแถลง ระบุข้อความว่า ข้อสงสัย คือ ผู้แจ้งจะโอนเงินบิตคอยน์ให้กับบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักเป็นไปได้หรือ และไม่รู้หรือว่าโอนค่าอะไร ถึงจำเป็นต้องโอนเป็นไป? หากกล่าวอ้างว่าเงิน 39 ล้านบาท ถูกดูดทำไมบันทึกประจำวัน ลงแค่โอน 7 ครั้ง ยอดเงินแค่กว่า 2 ล้านบาท แต่ยอดเงิน 39 ล้านบาท ไม่ปรากฏในบันทึกประจำวัน ข้อเท็จจริงยอดเงิน 39 ล้านบาท พี่อ้อย โอนจากบัญชีส่วนตัวจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อแคชเชียร์เช็คให้กับบุคคลหนึ่ง โดยมีหลักฐานคือสำเนาการโอน การซื้อแคชเชียร์เช็ค และรายการเดินบัญชี ไม่ได้ถูกสแกมเมอร์หลอก "ทนายเดชา" ชี้ "ทนายตั้ม" รอดยาก ปม 39 ล้านบาท ขณะที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ยังได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า "จุดจบ ทนายตั้ม คดีฉ้อโกงลูกความ ? ให้ไปดูที่เพจดาวแปดแฉก อาจเป็นจุดจบทนายดัง" พร้อมระบุในคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "พยานหลักฐานล่าสุดจนถึงวันนี้ ทนายตั้ม น่าจะรอดยากแล้วครับ" ลือ ออกหมายจับ "ทนายตั้ม" พร้อมพวกรวม 5 คน สิ่งที่ทุกคนจับตา คือ วันนี้จะมีหมายจับออกมาไหม เพราะยังจำได้ไหมก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน ในรายการ ถกไม่เถียง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เคยออกมาระบุว่า อีก 2 วัน จะมีการออกหมายจับบุคคลในคดีนี้อย่างน้อย 5 คน นอกจาก ทนายตั้ม ก็จะมี เมียทนายตั้ม นายนุ นางสาวสา พี่ชายของนุ ขณะที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ที่มาร่วมออกรายการก็เชื่อว่า ภายในสัปดาห์นี้น่าจะออกหมายจับ จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมา 2 วันแล้ว ถ้าเป็นไปตามที่ นายอัจฉริยะ ให้ข้อมูลวันนี้ น่าจะครบกำหนดที่จะมีการออกหมายจับ