ทนายตั้ม ชิงพบ ตร.โต้ มาดามอ้อย ลั่นไม่ได้โกง

วันที่ 5 พ.ย. 2567 เวลา 16:41 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า อาจจะมีการออกหมายเรียก “ทนายตั้ม” ในคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท แต่วันนี้ ทนายตั้มไม่รอให้ออกหมายเรียก ชิงเข้าพบตำรวจกองปราบก่อน พร้อมชี้แจงยืนยันไม่ได้ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท พร้อมโวยถูกตำรวจมาดักรอถึงหน้าบ้าน ทนายตั้ม ชิงพบ ตร.โต้ มาดามอ้อย ลั่นไม่ได้โกง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม พร้อมให้สัมภาษณ์ระบุว่า ตั้งใจจะมาหาหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดี 71 ล้านบาท เพื่อให้ข้อมูล ที่ผ่านมารอตำรวจเรียกมานานแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่เรียกสักที จนเมื่อคืนที่ผ่านมา มีตำรวจตามมาถึงบ้าน และเมื่อเช้าตำรวจกองปราบปราม 3 คัน มาดักรอหน้าบ้าน ส่วนเรื่องคดี 71 ล้านบาท ทนายตั้ม ยืนยันว่า ไม่ได้ฉ้อโกง เพราะถ้าฉ้อโกงคือต้องเจตนาจะหลอก แต่ส่งงานตามที่เขาต้องการทุกอย่าง เมื่อก่อนตนเป็นน้องรัก ให้ทำทุกโครงการ แล้วก็ส่งมอบทุกอย่าง แต่พอตอนนี้ไม่รักแล้วจึงดึงเรื่องอื่นเข้ามา ส่วนเรื่องรถเบนซ์ G-Class G400 ที่มาดามอ้อยให้ตนซื้อ ยืนยันว่า ราคาในตลาดไม่มีหรอก 8-9 ล้านบาท และชื่อจดทะเบียนรถคือชื่อของพี่อ้อย ไม่ใช่ชื่อไฟแนนซ์ตามที่ปรากฏในข่าว และตนครอบครองรถเพียงไม่กี่เดือน ก่อนจะส่งมอบและยืนยันไม่เคยนำรถคันดังกล่าวไปให้จีนเทาเช่า เพราะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ตอนแรกเป็นน้องรักให้ทำทุกอย่าง แต่พอหมดรักแล้วมันก็เกิดเรื่องแบบนี้ “ทนายตั้ม” แจงเงิน 39 ล้านบาท “มาดามอ้อย” ถูกหลอกเอง ส่วนเรื่องเงิน 39 ล้านบาทที่อ้างว่านำไปใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดนั้น ทนายตั้ม ยืนยันว่า ข้อมูลที่ออกมาตรงข้ามกับความจริงทุกอย่าง ซึ่งกรณีนี้มาดามอ้อยบอกว่าคุยกับสแกมเมอร์มาเป็นปีแล้ว บอกว่าเป็นดาราจีนคนหนึ่งชื่อ "เฉินคุณ" ต้องการให้มาแสดงในไทย จึงจะขอจ้างดาราจีนคนนี้มาออกงาน เลยได้ติดต่อผ่านมายังตน ซึ่งทางจีนอยากให้โอนเงินผ่านบิตคอยน์ แต่ตนไม่มีความรู้ จึงให้น้องที่รู้จักที่ “นุ” โอนเงินให้ เพราะเชี่ยวชาญเรื่องเงินบิตคอยน์ พี่อ้อยจึงจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเองถึง 2 ครั้ง แต่พอโอนไป 2 รอบปรากฏว่ายังมาไม่ได้อีก จึงเริ่มสืบจนรู้ความจริงว่าเป็นสแกมเมอร์ เตือนพี่อ้อยแล้วแต่พี่อ้อยก็ยังไม่เชื่อ และยังให้โอนเงินเพิ่มอีก 5 ล้านบาท พี่อ้อยบอกว่าเป็นเงินตัวเองจะจ่ายให้ใครก็ได้ ซึ่งเรื่องตอนหลังตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว และตนเป็นคนบอกเองว่าให้ไปแจ้งความดำเนินคดี “ทนายตั้ม” ยืนยันไม่หนี ยังไม่พร้อมเจอ “มาดามอ้อย” ทนายตั้ม บอกว่า ขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าพี่อ้อย เพราะไม่รู้จะต้องคุยอะไรกัน และเปล่าประโยชน์ที่จะคุยช่วงนี้ พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้หนีไปไหน เพราะบ้านอยู่ที่นี่ เงินในบัญชีก็ไม่เคยเอาออก และจะยืนยันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ถ้าหากว่าตนเองไปฉ้อโกงพร้อมจะคืน ส่วนกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาเปิดโปงอย่างต่อเนื่องนั้น ทนายตั้ม ระบุว่า ไม่มีอะไรจะฝากถึงนายสนธิ อยากจะเปิดอะไรก็จัดมาเลย ส่วนจะฟ้องดำเนินคดีกลับหรือไม่ ทนายตั้ม บอกว่า ขอให้รอดูกันต่อไป หลังจากที่ทนายตั้มเข้าพบกับเจ้าหน้าที่กองปราบปราม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้กลับไปก่อน ไว้รอให้มีหมายเรียกค่อยเข้ามาให้ปากคำ หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ทนายตั้มเพิ่มเติม แต่ทนายตั้มปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม บอกว่าต้องทำตามกฎระเบียบ ก่อนจะเดินทางกลับออกไปทันที “ทนายตั้ม” แจง 3 ประเด็นร้อน หนังคนละม้วน วันนี้ ทนายตั้มออกมาชี้แจง 3 ประเด็นหลัก ๆ ที่เป็นข่าว ซึ่งเรียกว่ากลายเป็นหนังคนละม้วนกับข้อมูลก่อนหน้านี้ เรื่องแรก เรื่องฉ้อโกงเงินที่มาดามอ้อยยืนยันว่าไม่ได้ให้โดยเสน่หา ถูกฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ส่วนค่าจ้างเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายเดือน 3 แสนบาท ต้องยกเลิกสัญญา เพราะทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรให้ แต่วันนี้ ทนายตั้ม ชี้แจงยืนยันไม่ได้ฉ้อโกง แต่เป็นเพราะมาดามอ้อยหมดรัก ส่งงานตามที่มาดามอ้อยต้องการทุกอย่าง แต่ตอนนี้หมดรักแล้วจึงเกิดเรื่อง ส่วนเรื่องรถเบนซ์ G-Class G400 ที่ มาดามอ้อย บอกว่า โอนเงินก้อน 13 ล้านบาทให้ซื้อรถเบนซ์ แต่เช็กราคาจริงพบว่าแค่ 9 ล้านบาท แถมรถยังติดไฟแนนซ์ และพบว่าปล่อยให้จีนเทาเช่ารถ ขณะที่ทนายตั้มยืนยันว่ารถไม่ใช่ราคา 9 ล้านบาท และรถเป็นชื่อของมาดามอ้อย ยืนยันไม่เคยให้จีนเทาเช่า ส่วนเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ที่ก่อนหน้านี้ มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า "มาดามอ้อย" ให้ทนายตั้มจ้างนักร้องจีนมาแสดงที่ไทย โดยทนายตั้มให้น้องที่ใกล้ชิดโอนบิตคอยน์ไปให้นักร้องจีน อ้างว่า โอนไปแล้ว 39 ล้านบาท แต่โดนหลอก ทนายตั้ม จึงพาคนสนิท คือ นายนุ และ นางสาวสา ไปหาพี่อ้อย ให้ช่วยโอนเงินคืนให้ แต่วันนี้ทนายตั้มชี้แจงว่าไม่ใช่เลย ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้อง เพราะมาดามอ้อยติดต่อดาราจีนเองตั้งแต่แรก พอสืบรู้ว่าเป็นสแกมเมอร์ เตือนมาดามอ้อยแล้วแต่ไม่ฟัง และมาดามอ้อยยังเป็นคนประสานให้น้องที่ตนรู้จักโอนเงินผ่านบิตคอยน์เอง ช่วงหลังตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เพจดัง แฉขบวนการตบทรัพย์ “เจ๊อ้อย” 39 ล้านบาท สำหรับคนใกล้ชิด 2 คนของทนายตั้ม ที่เป็นคนรับเงินโอนบิตคอยน์ 39 ล้านบาท คือ นายนุ และนางสาวสา คู่สามีภรรยา ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก CSI LA ได้ออกมาโพสต์ภาพ ที่อ้างว่า นายนุ และนางสาวสา ที่ได้รับเงิน 39 ล้านบาท พร้อมแฉขบวนการตบทรัพย์พี่อ้อย 39 ล้านบาท ระบุข้อความว่า สา บัญชีผู้รับเงินที่ทนายตั้มสูบได้มาจากพี่อ้อย และ นุ เพื่อนสนิทตั้ม เจ้าของเว็บเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์และโพรโมตเว็บฯ พนันที่เคยโดนจับ ทนายตั้มพานุกับสามาทะเลาะกันต่อหน้ามาดามอ้อย อ้างว่าบัญชีคริปโทโดนมิจฉาชีพดูดเงินไปหลายสิบล้านเพราะเรื่องค่าจ้างศิลปินของพี่อ้อย ทำให้พี่อ้อยต้องรับผิดชอบเสียเงินเพิ่มอีก 39 ล้าน ส่วน "เดือน" เมียตั้มผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ ซื้อเงินสด 46 ล้านบาท ร่วมเสพสุขบนเงินของคนอื่น และ ดาว พี่เมียตั้ม ผู้รับเงินแทนตั้ม อีกหลายกรรม ฯลฯ “มาดามอ้อย” ให้ปากคำเพิ่มครั้งที่ 4 ขณะเดียวกันวันนี้ (5 พ.ย.) นางจตุพร อุบลเลิศ หรือ “มาดามอ้อย” นักธุรกิจหญิงชาวไทยที่อาศัยในประเทศฝรั่งเศสคู่กรณีทนายตั้ม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเป็นครั้งที่ 4 เพื่อให้ปากคำในคดีที่แจ้งความเอาผิดทนายดัง ในคดีฉ้อโกงมูลค่า 71 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้มาดามอ้อยเข้าให้ปากคำมาแล้ว 3 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม, 1 พฤศจิกายน และ 3 พฤศจิกายน เป็นเวลารวมกว่า 35 ชั่วโมง นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของมาดามอ้อย  ระบุว่า การสอบปากคำวันนี้จะเน้นประเด็นเงินมูลค่า 71 ล้านบาท และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เงินค่าชดเชยจ้างนักแสดงชาวจีน 39 ล้านบาท, ค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท, ค่าออกแบบบ้าน 3 ล้านบาท และกรณีรถเบนซ์มูลค่า 13 ล้านบาท โดยมาดามอ้อยให้ข้อมูลรายละเอียดครบถ้วนแล้วประมาณ 80% คาดว่าวันนี้จะสอบปากคำที่เหลืออีก 20% ได้ครบถ้วน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะใช้เวลานานเท่าไร สำหรับกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เคยกล่าวว่าจะมีการออกหมายจับในคดีนี้จำนวน 5 ราย รวมถึงทนายความชื่อดังด้วย นายสมชาติ กล่าวว่า ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่ยอมรับว่ามีการให้การเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวน 39 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่ามาดามอ้อยไม่เคยให้เงินทนายคนดังโดยเสน่หา สนธิซัดเดชาช่วยทนายตั้ม อยู่เบื้องหลัง ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมาตำหนิทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ บอกว่า ลึก ๆ แล้วคือคนที่แอบช่วยนายษิทธาอยู่เบื้องหลัง ฟันธงว่าทนายเดชากับทนายษิทธาเป็นทีมเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน พร้อมท้าว่าถ้าคิดว่าหมิ่นประมาทให้ฟ้องได้เลย คิดอะไรไม่ออกก็ "จุ๊กกรู๊ ๆ" เวลา LIVE ก็กินไวน์ไปด้วย เป็นทนายขี้เมาหรือทนายอะไรกันแน่ ถ้าจะรบกัน ชักธงรบมาเลย ตนเพิ่งรบกับษิทธา ยังไม่จบ แต่พร้อมจะรบกับคุณเดชาอีก เมื่อไหร่เมื่อนั้น "เดชา" ลั่นไม่ใช่ทนายสีเทา ปล่อย “สนธิ” แฉเต็มที่ ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ แถลงข่าวกรณีถูกนายสนธิ พาดพิงว่า นายสนธิจะพูดถึงตนยังไง ก็ปล่อยไป ตนไม่ว่าอะไร อยากว่าอะไรก็ตามสบาย เพราะตนแก่แล้ว และนอกจากเมาแล้ว ตนไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่เคยตบทรัพย์เรื่องเงินเรื่องทอง มีปัญหาแค่เรื่องเมา กิ๊กก็ไม่มี มีแต่หมา 4 ตัว เพราะฉะนั้นไม่กลัวแฉเลย แฉได้เต็มที่เลย ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะไม่ใช่ทนายสีเทา ทนายเดชาเชื่อทนายตั้มมั่นใจมีหลักฐานสู้คดี ทนายเดชา ยังกล่าวถึงกรณีที่ทนายตั้มเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนว่า จากที่ทนายตั้ม ปรากฏตัวแสดงว่าพร้อมสู้คดีแน่นอน พร้อมปฏิเสธทุกข้อหา ความจริงมีรายงานข่าวว่าจะออกหมายจับในวันนี้ และทนายตั้มคงคิดว่าจะออกหมายจับก็เลยมาพบพนักงานสอบสวนวันนี้ สถานการณ์ตอนนี้ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว ดังนั้นเวลาพูดอะไรก็ไม่ต้องก้าวร้าวเยอะ เวลาพูดอะไรก็ต้องระมัดระวัง คดีนี้ต้องสู้กันด้วยพยานเอกสาร ถ้าคดีฉ้อโกงทั่วไปสอบสวน 2-3 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว แต่การสอบหลาย ๆ วันติดต่อกันแสดงว่าหลักฐานยังไม่ครบ ตนเคยคุยกับทนายตั้ม เขามีแช็ต มีหลักฐาน มีเอกสารต่าง ๆ ที่ค่อนข้างชัดเจนที่จะใช้ต่อสู้คดี ถ้าคิดว่าเขาสู้ไม่ได้คงจะรับสารภาพหรือหนีไปแล้ว