นุ-สา เคยลงบันทึกประจำวัน อ้างโดนโกงบิตคอยน์
วันที่ 4 พ.ย. 2567 เวลา 16:42 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คู่ภรรยา "นายนุ กับ นางสาวสา" ถือเป็นตัวละครสำคัญที่รับเช็ค 39 ล้าน จาก พี่อ้อย ซึ่งวันนี้ ทีมข่าวเราไปตามจนเจอรถหรู ปอร์เช่ สีฟ้า ของทั้งสองคน จอดไว้ห่างจากบ้านราว 500 เมตร นอกจากนี้ ยังพบว่า 2 วัน ก่อนที่ ทนายตั้ม จะพาทั้งคู่ไปพบพี่อ้อย แล้วบอกว่าถูกโกงบิตคอยน์มูลค่า 39 ล้านบาท มีการไปลงบันทึกประจำไว้ที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งด้วย "นุ-สา" เคยลงบันทึกประจำวัน อ้างโดนโกงบิตคอยน์ กรณีเงิน 39 ล้านบาท มีที่มาที่ไปจากการที่ พี่อ้อย ต้องการจ้างนักร้องชื่อดังชาวจีน "เฉิน คุน" มาทำการแสดง ซึ่ง ทนายตั้ม รับอาสาดำเนินการให้ จากนั้นก็อ้างว่าให้คู่สามีภรรยาที่ชื่อว่า นายนุ และ นางสาวสา โอนบิตคอยน์มูลค่า 39 ล้านบาท เป็นค่าจ้างนักร้อง และอ้างว่าเกิดปัญหา โดนหลอกเอาบิตคอยน์มูลค่า 39 ล้านนั้นไป ทนายตั้ม จึงพา นายนุ และ นางสาวสา ไปหา พี่อ้อย ให้ช่วยโอนเงินคืนให้ พี่อ้อย จึงเขียนเช็คให้ในชื่อ นางสาวสา วันนี้ ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน ได้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 จึงตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า ก่อนที่ ทนายตั้ม จะพา นุ และ สา ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยา ไปพบกับ เจ๊อ้อย และอ้างว่าโอนบิตคอยน์ไปแล้วโดนโกงนั้น ตัวของ นางสาวสา ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ซึ่งตัว นางสาวสา ให้ลงข้อมูลในบันทึกประจำวัน ระบุว่า ได้โอนบิตคอยน์ไปยังบัญชีปลายทางไม่ทราบชื่อ แต่ว่าเมื่อโอนไปแล้ว ปรากฏว่าปลายทางปิดบัญชีหนีไป ติดต่อไม่ได้ ทำให้สูญเสียบิตคอยน์ไป ไม่สามารถตามกลับคืนมาได้ หลังจากลงบันทึกประจำวันแล้ว วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ทนายตั้ม ได้พา นุ และ สา ไปพบกับ พี่อ้อย บอกว่าโดนโกงบิตคอยน์ พี่อ้อย จึงเขียนเช็คให้ สา 39 ล้านบาท สังเกตดี ๆ จะเห็นว่าถ้านี่เป็นการหลอกเอาเงิน พี่อ้อย 39 ล้านจริง ก็จะเห็นว่ามีการลงบันทึกประจำวันเป็นขั้นเป็นตอน ก่อนจะไปพบ พี่อ้อย 2 วัน แต่ว่ารายละเอียดในบันทึกประจำวันที่มากกว่านี้ เราไม่ขอพูดถึง ให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนของตำรวจกองปราบ มีรายงานข่าวว่า หลังจากได้เช็คมา 39 ล้านบาท ตัวของ นางสาวสา ไม่ได้นำเช็คนั้นไปเอาเงินเข้าบัญชีด้วยตัวเอง แต่ว่า ทนายตั้ม ได้ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่ตัวเองไปจ้างเขียนแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ นำเช็คนั้นไปเข้าบัญชี จากนั้นพอเงินเข้าบัญชี ก็ให้ผู้หญิงคนนั้นเบิกเงินสดทั้ง 39 ล้านบาท ไปให้ ทนายตั้ม ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังการโอนเงินลงทุนแพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท ไม่แน่ใจว่า ทนายตั้ม ไปบอกผู้หญิงคนดังกล่าวอย่างไร เพื่อให้เอาเช็คไปเข้าบัญชีและเบิกเงินสดทั้งหมดไปให้ ส่วนตัวละครสำคัญในการรับเงิน 39 ล้านบาท จาก เจ๊อ้อย คือ นายนุ กับ นางสา ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน ได้ไปตามที่บ้าน 2 หลัง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยหลังแรกอยู่ที่เขตลาดพร้าว มีรถเบนซ์สีขาว จอดอยู่ ซึ่งวันนี้ ก็ไม่มีคนอยู่บ้าน รถเบนซ์ยังจอดอยู่ที่เดิม อาหารที่สั่งไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว คือข้าวต้มซี่โครงหมูก็ยังแขวนไว้ที่เดิม ส่วนหลังที่ 2 อยู่ในเขตวังทองหลาง วันนี้ ปิดหน้าต่าง ปิดบ้านสนิท มีรถไฟฟ้าสีม่วงจอดชาร์จไฟไว้หน้าบ้าน 1 คัน ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าเป็นรถของแม่นางสาวสา และทีมข่าวของเราได้ข้อมูลว่า ปกติที่บ้านหลังนี้จะมีรถปอร์เช่ สีฟ้า จอดอยู่ แต่ในช่วงหลายวันที่ทีมข่าวไปตามไม่เจอ พบ "ปอร์เช่ คาเยนน์" จอดหลบห่างบ้าน 500 ม. ล่าสุด ทีมข่าวไปเจอรถปอร์เช่ สีฟ้า จอดอยู่ริมถนนรามคำแหง 21 แยก 3 ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร พบว่าเป็นรุ่นคาเยน อี ไฮบริด คูเป้ สอบถามคนแถวนี้ บอกว่า ปกติ ริมถนนในซอยนี้ ใครก็เอารถมาจอดได้ ส่วนใหญ่ก็จะเห็นเป็นรถคันเดิม ๆ ไม่ค่อยมีรถแปลก ๆ และรถหรูมาจอด และไม่เคยเห็นคันนี้มาจอดแบบนี้มาก่อน ปกติจะจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งก็คือจุดที่ทีมข่าวตามไปเจอ เพิ่งเห็นมาจอดที่นี่ได้ประมาณ 2-3 วัน เท่าที่เห็นตอนนี้ นุ กับ สา มีรถหรู 2 คัน คือ ปอร์เช่ ซึ่งถ้าเป็นรถมือหนึ่งราคา 6.29 ล้านบาท อีกคัน เบนซ์ ถ้าเป็นมือ 1 ราคา 4.54 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ ไม่มีใครเห็นทั้ง นุ และ สา ที่บ้านทั้งสองหลัง แต่ว่าจอดรถหรูทั้ง 2 คันนี้ทิ้งไว้ และตามที่เรารายงานไปก่อนหน้านี้ ตำรวจก็กำลังตรวจสอบเบื้องหลังธุรกิจของตัวละครทั้งสองคนนี้เช่นกัน เพราะตอนไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.เตาปูน ว่าถูกโกงบิตคอยน์ ให้รายละเอียดไว้เพียงว่าทำธุรกิจ แต่ว่าไม่รู้เป็นธุรกิจอะไร ชาวบ้านแถวนั้น ให้ข้อมูลว่า แม่ยายของนายนุ ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย เคยบอกว่าลูก ๆ ทำธุรกิจแล้วรวยมาก ซึ่งชาวบ้านเองก็ตั้งข้อสงสัยว่ารวยจากธุรกิจอะไร เห็นชอบมาตั้งวงสังสรรค์กันหน้าบ้าน และก็มีคนจีนมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย "ชูวิทย์" เคยโพสต์ถึงเบื้องหลังทนายดัง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566 คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เคยโพสต์เฟซบุ๊ก แฉทนายคนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทนายคนไหน ตอนนั้น คุณชูวิทย์ โพสต์ไว้ว่า "ข่าวด่วน ! สัมภเวสีอาละวาด ทนายคนดี ชอบแถลงข่าวช่วยประชาชน รวยแค่ข้ามคืน จนคนสงสัยไปทั่ว ทำไมรวยเร็วจัง ?! ที่แท้เบื้องหลังทำพนันออนไลน์หุ้นกับเจ้าหน้าที่ DSI ตัวเตี้ย ๆ อายุประมาณ 50 ปี ชื่อเว็บ HengGame (เฮงเกม) มีญาติชื่อ "แจ็ค" ดูแลเว็บให้ มิน่าเล่า ว่าความให้แก่ตายไม่มีทางได้นาฬิกาปาเต๊ะเป็นถาด เสื้อตัวละแสน รถปอร์เช่ คนที่รู้ดีคือตำรวจใหญ่ฉายา "เทพ จ." ที่ต้องหลับตาลงข้าง เพราะใช้งานสนิทกันอยู่" ทีมข่าวลองค้นดูว่ามีเว็บพนันชื่อ "เฮงเกม" หรือไม่ ปรากฏว่ามีเว็บพนันออนไลน์ชื่อดังกล่าวอยู่จริง แต่ว่าจะลงท้ายด้วยตัวเลข 888 ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกันตามที่ คุณชูวิทย์ เคยโพสต์เปิดโปงไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทราบว่าตอนนี้ไม่เฉพาะกองปราบเท่านั้นที่สนใจเรื่องเบื้องหลังคนสนิทของทนายดังว่าทำอะไร ตำรวจหลายหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามพนันออนไลน์ก็สนใจและกำลังสืบค้นรายละเอียดเช่นกัน