เร่งขมวดคดีพิจารณาเอาผิด ทนายตั้ม

วันที่ 4 พ.ย. 2567 เวลา 11:23 น.

ห้องข่าวภาคเที่ยง - "มาดามอ้อย" ให้ปากคำกับตำรวจคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท รวม 3 วัน มากกว่า 30 ชั่วโมง ตอนนี้จะเป็นขั้นตอนขมวดประเด็น ท่ามกลางข่าวลือว่า คู่กรณีจะมอบตัวก่อนถูกออกหมายเรียก หรือหมายจับ คำบอกใบ้ของทนายสมชาติ ทนายความของ "มาดามอ้อย" ตอนนี้คดีดังกล่าวคืบหน้าเกิน 70% ใช้เวลาให้ปากคำมากกว่า 30 ชั่วโมง มีทุกประเด็นที่เป็นกระแสข่าว เหลือแค่ว่าตำรวจจะสรุปได้ว่าคดีนี้จะใช่ "ฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ" ตามกฎหมายฟอกเงิน เหมือนที่ ทนายเดชา บอกในไลฟ์สดให้จับตาดูวันพรุ่งนี้ดี ๆ ว่าจะมีการออกหมายเรียก หรือหมายจับ หรือไม่ ก็มีข่าวลือว่า "ทนายตั้ม" ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ จะเข้ามอบตัวกับตำรวจสอบสวนกลาง จะไม่รอให้มีหมายเรียก หรือหมายจับ ออกมาก่อน แต่จากการสังเกตการณ์ของคุณดารินทิพย์ ผู้สื่อข่าว ตั้งแต่ช่วงเช้า ยังไม่พบ "ทนายตั้ม" ปรากฎตัวที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่อย่างใด พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยเรื่องนี้ว่า ได้สอบปากคำผู้เสียหายไปหลายประเด็น ได้ข้อเท็จจริงจำนวนมาก คดีตอนนี้คืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว แต่ก็ยังมีหลายส่วนต้องดำเนินการ เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าทำผิดเรื่องอะไร แล้วถึงจะพิจารณาเรื่องการออกหมายเรียก หรือออกหมายจับ เชื่อว่า "ทนายตั้ม" ยังไม่หนีออกนอกประเทศ และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการประสานว่าจะมาพบตำรวจ แต่ที่แน่ ๆ เพจฯ "ออยศรีและผองเผือก" โพสต์ถึงประเด็น "ทนายตั้ม" ยืนยันว่ายังอยู่ดี ไม่ได้หนีไปไหน และย้ำว่ามีนัดต้องไปขึ้นศาลอาญา 09.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่มีคดีฟ้องร้องกันอยู่ ส่วนที่ "บ้านพระอาทิตย์" นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พูดถึงประเด็นที่จะไปยื่นเรื่องให้ สภาทนายความสอบจริยธรรม "ทนายตั้ม" ว่าได้รวบรวมข้อเท็จจริง ทั้งจากปาก "มาดามอ้อย" และหลักฐานที่นำมาแสดงไว้แล้ว เบื้องต้นได้ประสานกับ นายกสภาทนายความฯ เป็นที่เรียบร้อย เชื่อว่าจะพิสูจน์ความผิดนี้ได้ ด้าน นายกสภาทนายความฯ บอกยินดีที่จะรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ส่วนเรื่องที่มีคนกังวลว่า คดีที่อยู่ในการดูแลของทนายที่ถูกร้องจะเป็นอย่างไร หากหลังจากมีคำตัดสินออกมา แล้วปรากฎว่าผิด ทนายคนนั้นก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ลูกความสามารถยื่นขอศาลฯ เพื่อให้มีทนายความคนใหม่ได้ จากนั้นก็สามารถฟ้องเรียกเงินตามสัญญาว่าจ้างคืนได้ เพราะการว่าจ้างรับทำคดียังไม่เสร็จสิ้น ส่วนประเด็นของ "สา" และ "นุ" ที่เกี่ยวพันกับเงิน 39 ล้านบาท คุณสันติวิธี ผู้สื่อข่าวของเรา ได้ข้อมูลว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และก่อนที่ ทนายตั้ม จะพาทั้ง 2 คน ไปพบกับ "มาดามอ้อย" เพื่อบอกเล่าเรื่องที่โอนบิตคอยน์ไปแล้วโดนโกง "สา" ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ โดยระบุว่า ได้โอนบิตคอยน์ไปยังบัญชีปลายทางที่ไม่ทราบชื่อ แล้วบัญชีดังกล่าวปิดหนีไป ติดต่อไม่ได้ เมื่อได้หลักฐานนี้มา "มาดามอ้อย" ถึงได้เขียนสั่งจ่ายเช็ค 39 ล้านบาทให้ โดยมีรายงานข่าวว่า หลังจากได้เช็คมาแล้ว "สา" ไม่ได้นำเช็คไปเอาเงินเข้าบัญชีด้วยตัวเอง แต่ "ทนายตั้ม" ได้ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ไปจ้างเขียนแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ แล้วนำเช็คนั้นไปเข้าบัญชี ก่อนจะเบิกเป็นเงินสด 39 ล้านบาท ไปให้ "ทนายตั้ม" อีกที