ครูปรีชาลั่น ไอ้...มันร้าย แฉเรียก 2.5 ล้าน แลกครูจรูญไม่ฟ้องคดีหวย 30 ล้าน

วันที่ 2 พ.ย. 2567 เวลา 12:16 น.

เวรกรรมตามสนอง! "ครูปรีชา" ลั่น "ไอ้...มันร้าย" แฉ "ทนายดัง" เรียกเงิน 2.5 ล้าน แลกกับ "ครูจรูญ" ไม่ฟ้องคดีหวย 30 ล้าน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 67  ผู้สื่อข่าว จ.กาญจนบุรี ได้พูดคุยกับ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา จากคดีดังหวย 30 ล้าน ถึงเรื่องราวคดีความที่กำลังเกิดขึ้นกับ "ทนายดัง" อยู่ในขณะนี้ รวมทั้งการออกมาแฉถึงพฤติกรรมต่างๆ ของทนายดัง ในอดีตที่ผ่านมา โดยครูปรีชา ยังคงย้ำว่า ตนเองเคยพูดมาตลอด และจะขอย้ำอีกครั้งว่า “ไอ้...มันร้าย” ซึ่งตั้งแต่ปี 2560 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของคดีหวย 30 ล้าน ในตอนนั้นยังไม่ได้มีคดีความ และยังไม่ได้เป็นข่าว ขณะนั้นเพิ่งจะเริ่มมีเรื่อง ทนายดังคนดังกล่าว เดินทางมาพร้อมทีมงานรวม 3 คน มาหาตนที่โรงเรียน ซึ่งตนกำลังสอนหนังสืออยู่ ก่อนจะอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จาก DSI มาเป็นคนกลางระหว่างตนและลุงจรูญ จะมาเจรจาไกล่เกลี่ยว่า ถ้าวันนี้ครูมีหลักฐานเป็นไลน์สั่งเลขจริง มีรูปลอตเตอรี่จริง เขาจะให้ลุงจรูญเอาเงินมาให้ ถือว่าลุงจรูญเป็นคนเอาเงินไป ซึ่งตนก็เชื่อว่าเขามาเป็นสื่อกลางจริง ๆ เพราะตอนนั้นไม่รู้จักว่าคนนี้คือ "ทนายดัง" แต่ขณะที่เขาพูดคุยกับตนและนำโทรศัพท์ของตนไปเปิดดูไลน์ที่ตนสั่งซื้อลอตเตอรี่ ตนรู้สึกว่ากำลังถูกแอบบันทึกภาพ โดยทนายดัง ถือโทรศัพท์ของตนในลักษณะตะแคงเพื่อให้ทีมงานอีกคนถ่าย ตนจึงรีบดึงโทรศัพท์กลับ และเอะใจในตอนนั้นว่าคนที่ตนกำลังคุยอยู่ตรงหน้า น่าจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ DSI จึงขอดูบัตรประจำตัว แต่ทนายดังอ้างว่า ไม่ได้เอามา และยังขู่อีกว่า หากตนไม่ให้ดูข้อมูลรูปถ่าย และรายการสั่งซื้อลอตเตอรี่การเจรจาทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น กระทั่งเมื่อตนเริ่มขึ้นศาลในคดีหวย 30 ล้าน จึงได้รู้ว่าที่แท้ ทนายดัง เป็นทนายฝั่งของลุงจรูญ คู่กรณีในคดีหวย 30 ล้าน ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ ทนายความดี ๆ ไม่ทำกัน และตนเองก็ได้มอบหมายให้ทนายความของตนเดินทางไปร้องมรรยาททนายความ ที่สภาทนายความแห่งประเทศไทย แต่จนถึงตอนนี้เรื่องก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ซึ่งตนเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวมีผลทำให้ตนแพ้คดีหวย 30 ล้าน เพราะเขารู้หลักฐานจากเราแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยบอกใคร ก็คือหลังจากที่มีการต่อสู้คดีกันมาอย่างยาวนาน และตนแพ้คดี เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ทางทนายดัง ได้โทรศัพท์มานัดตนเองให้ออกไปหาที่สอร์ตแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองกาญจนบุรี ก่อนจะมีการพูดคุยให้ตนเองยอมจ่ายเงินจำนวน 2,500,000 บาท แลกกับการที่ลุงจรูญ จะไม่ฟ้องดำเนินคดีกับครู ซึ่งตนก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก จึงได้ตัดสินใจไม่ได้จ่ายเงินดังกล่าวให้ไป แล้วจะไปขอเจรจาในชั้นศาลดีกว่า ครูปรีชา ยังกล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับทนายดัง ในขณะนี้ หากเป็นคนที่กระทำดี ถึงจะเจอเรื่องราวเลวร้ายซ้ำ ๆ ความดีจะปกป้องตัวเขาเอง แต่อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งดูจากการไลฟ์สดของ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และคลิปต่าง ๆ ที่นำมาเปิดเผย จะเห็นชัดเจนว่า คุณอ้อย เศรษฐีหมื่นล้าน มีพยานหลักฐานจำนวนมาก โดยเฉพาะหลักฐานการโอนเงิน ดังนั้นสิ่งที่ทนายดัง กระทำ มันเป็นกรรมที่เขากระทำ มันก็ต้องชดใช้กรรมเฉกเช่นเดียวกับที่ทำกับครู และในที่สุดเวรกรรมก็ตามสนอง ความรู้สึกตอนนี้คือตนอยากได้รับความเป็นธรรม โดยก่อนตนขึ้นศาลคดีหวย 30 ล้าน พนักงานสอบสวนคนแรกที่มียศร้อยตำรวจเอก ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี บอกตนว่า หลักฐานที่เป็นกล้องวงจรปิดและซองพลาสติกที่ใส่ลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ที่ลุงจรูญ นำมาส่งให้เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 60 และส่งไปตรวจดีเอ็นเอ แต่ภายหลังซองดังกล่าวหายไป เพราะโต๊ะทำงานถูกรื้อค้น ซึ่งทำให้ตนไม่ได้นำซองซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญขึ้นสู่ชั้นศาล อีกทั้งกล้องวงจรปิดที่ระบุอยู่ในสำนวน ตัวกล้องก็หายไปด้วยเช่นกัน ตนจึงฟ้องพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวในมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. ตนจึงขอความเห็นใจจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ให้ด้วย เพราะหลักฐานซึ่งเป็นของกลางในคดีหายที่โรงพักหายไป แต่จับตัวคนร้ายไม่ได้ ความเสียหายจึงเกิดกับตน ทำให้ตนแพ้คดี นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานสัญญาณโทรศัพท์ของตนอยู่ในมือของทนายดัง ก่อนหมายศาลจะเรียก ในขณะที่ตนยังขอหลักฐานดังกล่าวจากเครือข่ายที่ตนใช้อยู่ไม่ได้เลย แต่กลับไปอยู่ในมือทนายดังและมีลายเซ็นของลุงจรูญทุกหน้า ตนจึงเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการว่า ก่อนขึ้นศาลต้องมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งที่ตนพูดเสมอมาว่า “ไอ้...มันร้าย”