ฎีกายืน จำคุกตลอดชีวิต ผอ.ตุ๊ ฆาตกรรมน้องหลิวหมกป่าอ้อย ให้ชดใช้เงิน 1.7 ล้านบาท
วันที่ 31 ต.ค. 2567 เวลา 17:54 น.
ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุกตลอดชีวิต ผอ.ตุ๊ ฆาตกรรมน้องหลิวหมกป่าอ้อย ชดใช้เงินให้ครอบครัว 1.7 ล้านบาท พ่อน้ำตาคลอ ดีใจลูกสาวได้รับความยุติธรรม วันนี้ (31 ต.ค.67) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาลจังหวัดสระแก้ว อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีมาตกรรมน้องหลิวสาวโรงงานฝังศพไว้ในป่าอ้อย โดยฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตมีนายสมศักดิ์ บิดาของน้องหลิว เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมกับบุตรชาย และนายเอกลักษณ์ หลุมชุมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ส่วนนางสุรีวรรณ์ ผู้เป็นแม่ มีอาการป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.โคกสูง จึงไม่ได้เดินทางมาด้วย ขณะที่ศาลได้คอนเฟอร์เรนซ์ไปยังเรือนจำจังหวัดระยองอ่านคำพิพากษาให้ นายจุมพล หรือ ผอ.ตุ๊ จำเลยได้รับฟัง ซึ่งระหว่างฟังคำพิพากษานายจุมพลยืนก้มหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีโค้งคำนับและส่ายหัวบ้าง โดยศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 20 นาที ระบุว่า นายจุมพล กระทำผิดตามฟ้องจริง จึงมีคำพิพากษายืน ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำร้องเป็นเงิน 1,700,000 บาท ตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาว่า รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ศาลให้ความยุติธรรมกับลูกสาวและครอบครัวของตน โดยขณะฟังคำพิพากษาก็ได้เห็นหน้า ผอ.ตุ๊ ซึ่งก็พบว่า ผอมลง เมื่อกลับถึงบ้านจะไปจุดธูปบอกน้องหลิวว่า ชนะคดีแล้ว ถือว่าคนที่ทำกับน้องหลิวได้รับกรรมที่ทำไป และหลังจากนี้จะปรึกษากับมูลนิธิกระจกเงา เพื่อดำเนินการต่อในเรื่องค่าสินไหมที่ศาลสั่งให้ชดใช้กับครอบครัว ซึ่งจะได้หรือไม่ได้ก็ยังไม่รู้ เพราะตัวเขาติดคุก “อยากบอกกับน้องหลิวว่า พ่อดีใจแล้วที่ศาลให้ความยุติธรรมแก่ลูก กลับไปบ้านจะจุดธูปบอกลูกเอง ขอบคุณอย่างมากที่มูลนิธิกระจกเงาตามหาน้องจนเจอ ผมว่า เขาเก่งมาก ไม่รู้ไปรวบรวมยังไงจนพบว่าถูกนำศพมาทิ้งที่ อ.วัฒนานคร มูลนิธิฯ สุดยอด หากไม่ช่วยก็คงไม่มีวันนี้ มืดตึ๊บ แล้วจะไปปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะก็ไม่มีความรู้อะไร ตาสีตาสา ส่วน ผอ.ตุ๊ ผมไม่อยากจะพูด พอแล้ว ให้เขาใช้ชีวิตเขาไปแบบนั้น เขาทำอะไรไว้ก็แล้วแต่บุญวาสนาของเขา ตัวใครตัวมัน ใครทำกรรมไว้ก็ต้องรับกรรม” นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยอาการน้ำตาคลอ ด้าน นายเอกลักษณ์ กล่าวว่า คดีนี้น้องหลิวหายตัวไปตั้งแต่ปี 2555 ตอนหายตัวไปมีการปล่อยข่าวลวงว่า น้องไปทำงานต่างประเทศ ครอบครัวจึงไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากไปแจ้งความคนหาย กระทั่งผ่านไป 8 ปี เริ่มผิดสังเกต เพราะว่าลูกหายไปนาน จึงมาแจ้งเรื่องกับมูลนิธิกระจกเงาให้ช่วยตามหาน้อง มูลนิธิฯ จึงสอบสวนและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ประเมินว่า อาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ประกอบกับน้องหลิวไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศ และไม่ได้ไปทำบัตรประชาชนใหม่หลังหมดอายุ ก็พยายามตามหาข้อมูลต่าง ๆ พบว่า ช่วงเวลาที่หายตัวไปมีปมปัญหาเรื่องชู้สาว เมื่อไปไล่ดูศพนิรนามในพื้นที่เกือบ 5 จังหวัด เกือบ 10 รพ.ก็พบว่า ห้วงเวลานั้นมีศพผู้หญิง 3 ศพ ที่ใกล้เคียงกับคนหาย จึงเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของแม่ไปตรวจเทียบ และพบว่า มี 1 ศพที่เสียชีวิตที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร ดีเอ็นเอตรงกับน้องหลิว และถูกฆาตกรรมด้วยอาวุธปืน นายเอกลักษณ์ ระบุอีกว่า เมื่อพบข้อมูลดังกล่าว จึงประสานเรื่องไปที่ สภ.วัฒนานคร และตำรวจสอบสวนกลางในการสืบสวนขยายผลจนเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานที่แน่นหนา ในการจับกุมและเอาผิดผู้กระทำความผิดได้ ซึ่งมีตำรวจ สภ.วัฒนานคร โดย พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.วัฒนานคร ขณะนั้นได้ทำสำนวนได้ละเอียดและรัดกุม สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ สำหรับคดีดังกล่าว เริ่มต้นเมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.55 น.ส.มยุรี หรือน้องหลิว อายุ 18 ปี เดินทางออกจากบ้านที่ ม.3 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อไปทำงานที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี กระทั่งวันที่ 5 พ.ค.55 น้องหลิวหายตัวไป โดยจอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ที่ห้างค้าปลีกดัง สาขาคลองรั้ง ใกล้นิคมอุตสาหกรรม 304 เพื่อนร่วมงานได้มาตรวจสอบที่ห้องพักพบเสื้อผ้าข้าวของน้องหลิวอยู่ในห้องเหมือนปกติ ต่อมามีผู้ส่ง SMS ไปยังเพื่อนสนิทของน้องหลิวว่า น้องหลิวไปทำงานต่างประเทศ ไม่ต้องเป็นห่วง ขณะที่ครอบครัวได้แจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ และพยายามตามหาด้วยตัวเอง โดยการสอบถามข่าวไปยังกลุ่มเพื่อนของคนหาย และโพสต์ตามหาในโลกออนไลน์ กระทั่งปี 2562 ทางครอบครัวเห็นว่าน้องหลิวขาดการติดต่อไปนาน จึงติดต่อมูลนิธิกระจกเงาช่วยตามหา โดยมูลนิธิฯ ได้ประสานตรวจสอบข้อมูลคนหายในระบบต่าง ๆ ไม่พบความเคลื่อนไหว และไม่มีประวัติการเดินทางออกนอกประเทศ จึงติดตามตรวจสอบจากศพไร้ญาติในพื้นที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งศพดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งพบศพ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 55 ในสภาพเน่าเปื่อยไม่มีเอกสารใด ๆ จึงถูกส่งศพไปตรวจและเก็บดีเอ็นเอ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ก่อนจะนำศพไปเก็บไว้ที่สุสานเอกชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี จนกระทั่ง เมื่อปลายปี 63 ที่ผ่านมา พบผลการตรวจดีเอ็นเอของแม่น้องหลิวกับศพไร้ญาติรายหนึ่ง มีดีเอ็นเอตรงกัน และได้รับการยืนยันว่าคือ น้องหลิว จากนั้นได้แจ้งความขอให้มีการรื้อคดีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 64 โดยผลการสอบสวนไปถึง ผอ.โรงเรียนรายหนึ่งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มีส่วนพัวพันในเชิงชู้สาวและเคยเป็น ผอ.โรงเรียนที่น้องหลิวเคยศึกษาอยู่ จึงนำมาสู่การสืบสวนของชุดสืบสวน สภ.วัฒนานคร และสืบจังหวัดสระแก้ว กระทั่งสามารถจับกุมตัว นายจุมพล หรือ “ผอ.ตุ๊” ผู้ต้องหาได้ที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 64