ออกหมายเรียกครูสาว หลอกเพื่อนใช้ชื่อดาวน์รถจนถูกฟ้อง

วันที่ 30 ต.ค. 2567 เวลา 12:12 น.

ตำรวจออกหมายเรียกครูสาว หลอกเพื่อนใช้ชื่อดาวน์รถ ด้านสามีครูโต้กลับ ชี้สมัครใจใช้ชื่อดาวน์รถให้เองเพราะอยากได้ค่าตอบแทน-เตรียมแจ้งความกลับ ขณะผู้เสียหายจุดธูปสาบาน ไม่เคยได้เงินตอบแทน ได้แค่ค่าน้ำมันรถ 100 บาท ที่ยอมใช้ชื่อออกรถให้เพราะเชื่อใจ จากกรณี หญิงสาวชาว จ.บุรีรัมย์ โดนครูสาว ที่คบหาเป็นเพื่อนกันกว่า 1 ปี หลอกใช้ชื่อซื้อดาวน์รถจักรยานยนต์ให้ เนื่องจากชื่อครูติดแบล็กลิสต์ ไม่สามารถใช้ชื่อตัวเองดาวน์รถได้ ด้วยความที่สงสารเพื่อนและเห็นว่าเป็นถึงข้าราชการครู รวมถึงรู้จักทั้งกับสามีและแม่ของครูคนดังกล่าวด้วย จึงยอมใช้ชื่อตัวเองดาวน์รถให้ ก่อนที่ครูคนดังกล่าว จะนำรถไปใช้สอนที่ จ.สุรินทร์ และเบี้ยวค่างวด จนถูกตนเองฟ้องยักยอกทรัพย์ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สาวสุดช้ำใจ! โดนเพื่อนเป็นครู หลอกใช้ชื่อดาวน์รถ ก่อนเบี้ยวค่างวดจนถูกฟ้อง) ล่าสุดวันนี้ (30 ต.ค.67)  ทางพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง ได้ออกหมายเรียกครูสาวที่ถูกกล่าวหาเพื่อมาสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ครูที่ถูกกล่าวหายังไม่ได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ซึ่งหากครูไม่มาก็จะต้องออกหมายเรียกครั้งที่สอง แต่หากยังไม่มาก็จะต้องออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป ขณะที่ทีมข่าวก็ได้เดินทางไปยังบ้านของครูที่ถูกกล่าวหาอีกครั้ง  เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและให้ครูให้ชี้แจง แต่ไม่พบครูอยู่ที่บ้าน มีเพียงญาติพี่น้องอยู่ แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ เพียงแค่แจ้งว่าครูไปสอนหนังสือที่โรงเรียนจ.สุรินทร์ ซึ่งญาติก็พยายามติดต่อกับครูเพื่อให้นำรถมาคืนและมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เมื่อทีมข่าวขอเบอร์เพื่อติดต่อสอบถามข้อมูลกับตัวครูเอง ทางญาติกลับบอกว่าไม่มีเบอร์ติดต่อและบอกว่าไม่สะดวกจะให้ข้อมูลอะไร ให้รอเขาเอารถจักรยานยนต์มาคืนก็พอ ต่อมา ทีมข่าวก็ได้โทรติดต่อกับสามีของครูเพื่อให้ชี้แจงข้อมูลอีกด้าน โดยสามีครูก็ชี้แจงว่าภรรยาและคู่กรณีไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แค่รู้จักกันผิวเผิน เนื่องจากคู่กรณีเคยมากินก๋วยเตี๋ยวมีที่ร้านแม่ยาย และรู้จักกับตนเอง เพราะเคยซื้อสินค้ากับบริษัทที่ตัวเองเป็นเซลอยู่เท่านั้น ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกันตามที่คู่กรณีให้ข้อมูล   ส่วนเรื่องออกรถ ภรรยาก็ไม่รู้เรื่องด้วย เป็นข้อตกลงระหว่างตนเองกับคู่กรณี โดยคู่กรณีสมัครใจที่จะใช้ชื่อตัวเองดาวน์รถให้ เพราะต้องการเงินค่าตอบแทนหากทางบริษัทไม่ให้จ่ายค่าดาวน์ ก็จะเอาเงินที่เตรียมไปจ่ายดาวน์ 5 พันบาทให้คู่กรณีไป  แต่หากต้องจ่ายเงินดาวน์ไม่ถึง 5 พันบาท ที่เหลือก็จะให้คู่กรณีไปเพื่อตอบแทนที่ใช้ชื่อออกรถให้ หากจำไม่ผิดตนจ่ายเงินที่เหลือจากค่าดาวน์ให้ไป 2 พันบาท และหลังจากนั้นเขาก็มาถามเอาเงินจากตนเรื่อย ๆ ครั้งละ 200-300 บาท รวม ๆ แล้วน่าจะประมาณ 7-8 พันบาทแล้วที่ได้เงินจากตนไป ทั้งยังบอกว่า จ่ายค่างวดไป 5 งวดแล้ว ไม่ใช่งวดเดียวตามที่คู่กรณีอ้าง ส่วนที่ค้างกว่า 2 ปี ตนก็ติดต่อกับไฟแนนซ์ไปแล้วว่าจะคืนรถวันที่ 18 พ.ย. นี้ และเตรียมแจ้งความกลับคู่กรณีฐานให้ข้อมูลเท็จด้วย จากนั้น ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถาม น.ส.ปราณี อีกรอบ ซึ่ง น.ส.ปราณี ถึงกับจุดธูปสาบานกับศาลพระภูมิที่บ้านว่า สิ่งที่ให้ข้อมูลกับสื่อหรือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมเป็นความจริงทุกอย่าง ทั้งยืนยันว่าเป็นเพื่อนกับครูจริง และที่ออกรถให้เพราะครูขอร้องว่า ไม่มีรถขับไปสอนหนังสือ ก็สงสารและเขารับปากจะรับผิดชอบค่าดาวน์และค่างวดเอง  จึงเชื่อใจยอมใช้ชื่อดาวน์รถให้  ที่สำคัญยืนยันว่าไม่เคยได้รับค่าตอบแทนในการใช้ชื่อดาวน์รถตามที่สามีครูกล่าวอ้าง  ได้แค่ค่าน้ำมันรถเติมขับกลับบ้าน 100 บาทเท่านั้น ส่วนที่สามีครูบอกว่าส่งงวดไป 5 งวดนั้น หากจ่ายจริงทำไมในใบเสร็จและเอกสารที่ไฟแนนซ์มีหลักฐานการชำระแค่งวดเดียว  ก็รู้สึกเสียใจมากที่ไว้ใจยอมใช้ชื่อดาวน์รถให้ จนถูกไฟแนนซ์ฟ้องยักยอกทรัพย์แล้ว เขายังบอกจะแจ้งความกลับตนเองอีก และที่เขารับปากจะคืนรถให้ไฟแนนซ์ 18 พ.ย. และรับผิดชอบส่วนต่างที่ค้างอีกกว่า 9 หมื่นบาท ก็ขอให้ทำจริง ๆ หากจะแจ้งความหรือฟ้องก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน แต่ตนยืนยันว่าพูดความจริง