จ่อยื่นเปลี่ยนสถานะ 5 แม่ข่ายเป็นผู้ต้องหา

วันที่ 28 ต.ค. 2567 เวลา 16:42 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ส่วนความคืบหน้าคดีดิไอคอน ล่าสุด ทนายความ "บอสพอล" เตรียมทำหนังสือถึงดีเอสไอ ขอเปลี่ยนสถานะ 5 บุคคลจากผู้เสียหาย เป็นผู้ต้องหา ยันไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย จ่อยื่นเปลี่ยนสถานะ 5 แม่ข่ายเป็นผู้ต้องหา นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล หรือ "บอสพอล" เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยม ในเรือนจำ พิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า เบื้องต้นได้เข้าไปรายงานสถานการณ์ให้ "บอสพอล" ทราบว่า สำนวนคดีถูกโอนให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นผู้รับผิดชอบแล้ว ซึ่งทีมทนายและผู้ต้องขังไม่ได้หนักใจอะไร เพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ มีประสบการณ์ทำคดีประเภทนี้ ส่วนรายละเอียดการพูดคุย หารือกับ "บอสพอล" เตรียมทำหนังสือถึงดีเอสไอ ขอเปลี่ยนสถานะ ของนายทินภัทร หรือ ฮัท, นางสาวชลธิชา หรือ ลูกตาล, นายไกรภพ หรือ กบ ไมโคร, นางสาวหนึ่งฟ้า และ นางสาวอโณทัย รวม 5 คน จากผู้เสียหาย มาเป็นผู้ต้องหาร่วมกัน โดยจะเข้ายื่นหนังสือที่ดีเอสไอ พรุ่งนี้ (29 ต.ค.) สำหรับทั้ง 5 คน เป็นแม่ข่ายที่มีลูกทีมมากกว่าร้อยคน และมีพฤติการณ์ชักชวนให้มาร่วมลงทุน เปิดบิลซื้อสินค้า 250,000 บาท โดยที่ผู้ต้องขังทั้ง 18 คน และบริษัทไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งยืนยันว่า การทำหนังสือขอเปลี่ยนสถานะไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย โดยทั้ง 5 คน จะต้องพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับ 18 คน ที่กำลังทำอยู่ ส่วนผู้เสียหายคนอื่น ๆ กว่า 2,000 คน ทีมทนายความอยู่ระหว่างคัดสำนวน เตรียมดำเนินคดีกับบุคคลที่อ้างเป็นผู้เสียหาย ทั้งที่จริงเป็นแม่ข่าย เตรียมยื่นประกันตัว "บอสพอล" ออกมาสู้คดี ส่วนการยื่นประกันตัว "บอสพอล" จะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์นี้ เพื่อขอออกมาต่อสู้ทางคดี ส่วนผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่วันนี้ (28 ต.ค.) นายจิระวัฒน์ หรือ บอสแล็ป ได้ทำหนังสือแต่งตั้งให้ตนเองเป็นทนายความประจำตัว หลังเกิดกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบในห้องสอบสวนภายในเรือนจำ พร้อมกับตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้างปมนาฬิหาปลอม ไม่ใช่ของ "บอสพอล" ขณะที่ประเด็นนาฬิกา ที่ไปตรวจค้นได้จากหอพัก แล้วถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นนาฬิกาเก๊ยันกล่อง เรื่องนี้นายวิฑูรย์ อ้างว่า ไม่ใช่แผน หรือความคิดของบอสพอล แต่ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของ "บอสอ๊อฟ" แต่ที่เอาไปเก็บไว้ในหอพัก เพราะบอสอ๊อฟ ชอบซื้อของจากแม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์สดขาย จนถูกภรรยา ต่อว่า จึงมีการเปิดหอพัก เพื่อเก็บสิ่งของเหล่านี้ "อัจฉริยะ" ยันเข้าเรือนจำถูกต้องตามกฏหมาย ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ชี้แจงกรณีที่เข้า ไปพบบอสแล็ป ในที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยืนยันว่า เข้าไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ก่อนหน้านี้ได้รับการ ร้องเรียนจากภรรยาและพี่ชายของบอสแล็ปว่า ก่อนจะถูกออกหมายจับ ได้มีบุคคลแอบอ้างเป็นตำรวจมา เรียกเงิน 9 ล้านบาท ผ่านคนสนิท ภรรยากับพี่ชาย จึงอยากให้ตนเข้ามาช่วยสืบสวน ตนก็รับดำเนินการ แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้บอสแล็ป เป็นผู้มอบอำนาจให้ตนดำเนินคดี จึงมีการนัดแนะ ในการนำเอกสารเข้าไปให้เซ็น นอกจากนี้ ภรรยาของบอสแล็ป ยังบอกด้วยว่า อยากให้มีตำรวจเข้าไปด้วย จึงประสานไปยังรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว) ว่า มีญาติประสานมา ขอให้ส่งตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนด้วย โดยในวันที่เข้าไปในเรือนจำฯ ภรรยาของบอสแล็ป ได้ยื่นขอเยี่ยมในฐานะญาติตามปกติ แต่ตนกับพี่ชายของบอสแล็ป ได้เข้าไปพร้อมกับตำรวจ แต่ตอนที่เข้าไป บอสแล็ป มีอาการจิตตก ไม่พร้อมพูดคุย จึงยังไม่ทันได้ทำอะไร เอกสารมอบอำนาจก็ยังไม่ได้เซ็น โอนสำนวนคดี "ดิไอคอนฯ" ให้ดีเอสไอ ส่วนความคืบหน้าคดี พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยว่า วันนี้สอบสวนกลาง มีการโอนสำนวนคดีทั้งหมด ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นผู้ดำเนินคดีต่อ มั่นใจว่าเพียงพอที่จะนำไปสอบสวนต่อ ซึ่งปัจจุบันทาง บช.ก. ยังดำเนินการรับเเจ้งความในกรณีดังกล่าวอยู่เช่นเดียวกันกับทุก สภ.ทั่วประเทศ แต่หากถูกโอนเป็นคดีพิเศษและทาง DSI เล็งเห็นว่าคดีนี้มีความสำคัญ ก็อาจจะมีการประสานขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย ซึ่งเช่นนั้น ทาง บช.ก. ก็จะต้องรับเเจ้งความต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของเรื่องการเเจ้งข้อหากับ 18 บอสดิไอคอนกรุ๊ป เพิ่มเติม รวมถึงเเม่ข่ายและ ผู้ต้องหาในล็อตที่ 2 ก็คงจะต้องเป็นส่วนของ DSI ที่จะต้องเป็นผู้ดำเนินการต่อจากนี้แล้ว "บิ๊กเต่า" มั่นใจเอาผิด แก๊งเทวดารีดทรัพย์ ส่วนเรื่องคลิปเสียงของ นางสาวกฤษอนงค์ นั้น พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า มั่นใจว่าสามารถเอาผิดได้ แต่ยังอยู่ระหว่างรอ ทนายความของบอสพอล ให้เร่งมาร้องทุกข์ดำเนินคดี เบื้องต้น นัดหมายเข้าแจ้งความวันที่ 31 ตุลาคมนี้ แต่ตนมองว่าช้าไป เพราะคดีนี้เป็นคดีสำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน และต้องการทำให้คดีนี้เป็นต้นแบบ สำหรับกลุ่มที่อ้างว่าเป็นจิตอาสาทำเพื่อประชาชน แต่ไปดำเนินการมิชอบ ก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจน และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันว่าไม่ได้มีการช่วยเหลือ "ดิไอคอนกรุ๊ป" แต่เป็นการดำเนินการ กับกลุ่มที่อ้างว่าช่วยเหลือประชาชน แต่ไปบังคับขูดรีดกับเจ้าของกิจการ ซึ่งก็มีเป้าหมายที่ต้องดำเนินการ อีก 4-5 คน