คดีขาดอายุความ ศาลจังหวัดนราธิวาส สั่งจำหน่ายคดีตากใบออกจากสารบบ
วันที่ 28 ต.ค. 2567 เวลา 16:03 น.
ศาลจังหวัดนราธิวาส สั่งจำหน่ายคดีตากใบออกจากสารบบ เหตุคดีขาดอายุความ จับจำเลยทั้ง 9 คนมาพิจารณาคดีไม่ได้ วันนี้ (28 ต.ค.67) ศาลจังหวัดนราธิวาส อ่านคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ อ 1516/2567 ระหว่าง น.ส.ฟาดีฮะห์ กับพวกรวม 48 คน เป็นโจทก์ กับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ที่ 1 กับพวกรวม 9 คน เป็นจำเลย คดีนี้ วันที่ 25 เม.ย. 2567 โจทก์ทั้ง 48 คนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน ตาม ป.อ. มาตรา 59, 80, 83, 288, 289 (5), 309, 310 เนื่องจากเป็นคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้อง ศาลจึงนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 24 มิ.ย.2567 โดยวันนัดศาลไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ได้ 1 ปาก จนล่วงเวลาราชการ จึงเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อในวันรุ่งขึ้น ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดที่สอง ศาลอนุญาตให้โจทก์ที่ 6 ถึงที่ 8 ที่ 26 ที่ 35 ที่ 42 และญาติโจทก์ที่ 3 แถลงการณ์ด้วยวาจาเกี่ยวกับความรู้สึก ความเสียหาย หรือความประสงค์อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ตามฟ้อง แล้วเลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 26 ก.ค.2567 ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดที่สาม ศาลไต่สวนพยานโจทก์ได้ 2 ปาก รวมฝ่ายโจทก์นำพยานบุคคลเข้าไต่สวน 3 ปาก อ้างพยานเอกสาร 28 รายการ กับพยานวัตถุ 1 รายการ ฝ่ายจำเลยอ้างเอกสารประกอบการถามค้าน 27 รายการ คดีเสร็จการไต่สวน ศาลนัดฟังคำสั่งหรือฟังคำพิพากษาวันที่ 23 ส.ค. 2567 เหตุที่นัดนานเนื่องจากต้องส่งสำนวนและร่างคำสั่งฯ ให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ตรวจก่อนอ่าน ทั้งนี้ ในการไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยทั้ง 9 คนไม่มาศาล แต่แต่งทนายความมาชักค้านพยานฝ่ายโจทก์ รวมทั้งใด้ยื่นคำแถลงให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันสำคัญที่ศาลควรสั่งว่าคดีไม่มีมูล ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 165/2 วันที่ 23 ส.ค.2567 ศาลจังหวัดนราธิวาส มีคำสั่งว่า คดีในส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 มีมูลความผิดในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ.มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,83 และมามาตรา 310 วรรคสอง ประกอบมาตรา 290, 83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 7 พิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่า คำฟ้องในส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) กับพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 7 มีส่วนร่วมในการกระทำผิดตามฟ้อง วันเดียวกันศาลออกหมายเรียกจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 มาสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 12 ก.ย. 2567 อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนัดจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 ไม่มา ศาลจึงออกหมายจับ เว้นแต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศาลมีหนังสือขออนุญาตจับต่อสภาผู้แทนราษฎร และเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การฯ กับติดตามผล การจับและขออนุญาตจับในวันที่ 15 ต.ค.2567 ต่อมาวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลได้รับสำเนาหนังสือของสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 24 ก.ย.2567 แจ้งว่า ระหว่างสมัยประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีความคุ้มกันใด ๆ ในชั้นพิจารณาของศาล รวมทั้งจากการจับและคุมขังในคดีอาญา ศาลจึงออกหมายจับจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นผู้มีอำนาจจัดการตามหมายจับ ควบคู่ไปกับพนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าพนักงานตำรวจตามปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนี กระทั่งถึงวันนัดสอบคำให้การ วันที่ 15 ต.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมจำเลยคนใดได้ ศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อ ต้องเลื่อนคดีไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจำเลยที่หลบหนีมาเสียก่อน แต่ศาลอนุญาตให้ญาติผู้ตายแถลงการณ์ด้วยวาจา เกี่ยวกับคดีนี้ แล้วมีคำสั่งเลื่อนนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี หรือนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 28 ต.ค.2567 วันนัดวันนี้ยังไม่สามารถจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 ได้ ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) เหตุที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีแทนพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง เพราะตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นกรณีที่ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความ ปรากฏต่อศาลในชั้นทำคำพิพากษาและคำสั่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ศาลยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป แต่คดีนี้ จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 และที่ 8 กับที่ 9 ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณา แต่หลบหนีจนคดีขาดอายุความ เป็นเหตุให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ทั้ง 48 รายระงับ ไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนสำนวนคดีสลายการชุมนุมตากใบอีก 1 สำนวน เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2567 อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน ในสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรมโดยสั่งฟ้อง พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนอีก 7 คน เป็นพลขับ ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น เนื่องจากคดีนี้ทางพนักงานอัยการโจทก์ยังไม่ได้มีการนำตัว 8 ผู้ต้องหายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดปัตตานี ซึ่งแม้คดีจะหมดอายุความในวันเดียวกัน แต่เนื่องจากตัวผู้ต้องหายังไม่ได้ถูกนำยื่นฟ้องต่อศาล จึงเท่ากับว่ายังไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งจำหน่ายคดีได้ วันนี้ศาลปัตตานีจึงยังไม่มีคำสั่งใด ๆ ออกมา ดังนั้น ภายหลังที่พนักงานอัยการมีการนำตัวจำเลยทั้ง 8 ยื่นฟ้องต่อศาล ตัวจำเลยก็สามารถต่อสู้เรื่องอายุความจนอันเป็นเหตุให้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องได้