ทนายตั้ม ยันความบริสุทธิ์ ได้เงิน 71 ล้านบาท จากความเสน่หา ทุกคดีสามารถตรวจสอบได้

วันที่ 28 ต.ค. 2567 เวลา 12:30 น.

“ทนายตั้ม” ยันความบริสุทธิ์ ได้เงิน 71 ล้านบาท จากความเสน่หา ทุกคดีสามารถตรวจสอบได้ ให้รอกระบวนการยุติธรรม และไม่หนักใจ เมื่อเวลา 08.40 น. วันนี้ 28 ต.ค.67 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมภรรยา ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในคดีหวย 30 ล้านบาท ที่ตนเองเป็นทนายความให้กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ตามหมายนัดศาลที่นัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำ อ 1611/2562 หมายเลขแดง ที่ อ 2230/2562 ความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ที่ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือแผน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง และคดีที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีนัดฟังคำพิพากษา คดีที่หมวดจรูญ ยื่นฟ้อง ครูปรีชา ใคร่ครวญ รวมทั้ง นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และนางพัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช แม่ค้าขายลอตเตอรี่ คดีหมายเลขดำที่ อ.2185/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ.3355/2561 ในข้อหาความผิดฐาน “ร่วมกันเบิกความเท็จ” กรณีที่ทั้ง 3 คน เคยเบิกความชั้นไต่สวนฉุกเฉินในคดีแพ่งขออายัดเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 หมายเลข 533726 จำนวน 30 ล้านบาท โดยผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์ ทนายษิทรา ถึงประเด็นที่เป็นกระแสร้อนอยู่ในขณะนี้กรณีที่ถูก เจ๊อ้อย เศรษฐีหมื่นล้าน แจ้งความดำเนินคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ฐานฉ้อโกงเงิน จำนวน 71 ล้านบาท ซึ่ง ทนายษิทรา ได้เปรยกับผู้สื่อข่าวว่า “บอกแต่นักข่าวท้องถิ่นเลยนะเนี่ย” ผู้สื่อข่าวจึงถามกลับว่า “แล้วทำไมไม่บอกส่วนกลาง” ทนายษิทรา ตอบว่า “เดี๋ยวส่วนกลางไปกรุงเทพฯ แล้วค่อยให้สัมภาษณ์” ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า “ที่ไหน? แถลงข่าวไหม?” ทนายษิทรา ตอบว่า “ก็เดี๋ยวนัดหมายไปอีกทีหนึ่ง” จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด และขณะนี้อยู่ในช่วงของการรวบรวมพยานหลักฐาน ตอนนี้ให้ทนายความในสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม รวบรวมเอกสารพยานหลักฐานทั้งหมดอยู่ ไม่มีความหนักใจอะไรทั้งนั้น ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “สังคมตั้งข้อสงสัยว่า จะมีใครเสน่หากันได้มากมายขนาดนี้” ทนายษิทรา ตอบว่า “มันอยู่ที่หลักฐานในสำนวน บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมจะบอกให้ว่าสิ่งที่ผมพูดผมยืนยันหนักแน่นทั้งหมดเป็นความจริงทุกคำเวลาให้สัมภาษณ์สื่อ เดี๋ยวรอดูดีกว่า รอดูผลของเรื่องนี้ดีกว่าว่าจะเป็นอะไรอย่างไร” และว่า “เหมือนกับที่มารอดูผลของคดี (หวย 30 ล้าน) ในวันนี้ ที่อยู่กันมา 6-7 ปี ตั้งแต่วันแรกที่ลุงจรูญถูกดำเนินคดีจนพิสูจน์ความจริงเรียบร้อยเสร็จแล้วผมฟ้องกลับ ฟ้องกลับทั้งฟ้องเท็จ ทั้งแจ้งความเท็จ ทั้งเบิกความเท็จ ทุกคดีบางเรื่องมันต้องใช้เวลาผมเข้าใจ จริงๆ ผมไม่อยากให้สัมภาษณ์ บอกตรงๆ เพราะว่าพูดไปมันก็เท่านั้น ยังไงคนก็ไม่เชื่ออยู่ดี” ผู้สื่อข่าวถามว่า “ยังยืนว่าเงินจำนวน 71 ล้านบาท ที่ได้มาเป็นเงินจากความเสน่หาหรือไม่” ทนายษิทรา ตอบว่า “อย่างที่ผมให้สัมภาษณ์ทุกอย่าง ออกรายการผมไม่กล้าไปโกหกผ่านสื่ออยู่แล้ว และผมเป็นทนายความ ผมทำอะไรทุกอย่างผมมีหลักฐาน” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “เสน่หาแบบใดที่เจ้าของเงินเค้าแจ้งความในข้อหาฉ้อโกง” ทนายษิทรา ตอบว่า “อันนี้ผมไม่ทราบ ก็ต้องไปพิสูจน์กันว่าสิ่งที่เขามาดำเนินคดีผมเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เดี๋ยวเค้าคงไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผมบอกก่อนเลยว่าผมไม่รีบไปให้การ เพราะผมกลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเวลาทำงานน้อย ถ้าผมไปมอบตัวเร็วเดี๋ยวคดีมันจะได้แค่ 4 ผลัดแค่นั้น โดยตนจะรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกถึงจะไป” ส่วนจะแจ้งความกลับเจ้าของเงินหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังจะไม่ดำเนินคดีกับผู้ใดทั้งสิ้น แต่ว่าอนาคตก็ แล้วแต่ ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “แล้วจะมีการติดต่อเจรจากับเจ้าของเงินหรือไม่” ทนายษิทรา ตอบว่า ผมไม่มีการติดต่อไปบอกตรงนี้เลยนะ ผมไม่เคยติดต่อไปทั้งทางคนใกล้ตัวเขา ทางเลขาเขา หรือตัวของพี่อ้อยเองผมไม่มีการติดต่อไป ณ เวลานี้ และอยากอยากฝากอะไรถึงคุณอ้อยบ้าง ทนายษิทรา ตอบว่า ต้องบอกอย่างนี้ว่าตัวผมมันถูกโฉลกกับคนที่ถูกรางวัลใหญ่ๆ อย่างที่ตนเป็นทนายให้กับหมวดจรูญในคดีหวย 30 ล้าน ทำให้ผมมีชื่อเสียง อย่างพี่อ้อยก็ถูกรางวัลใหญ่ที่ต่างประเทศ ก็ให้เงินให้ทองผม ผมก็ถูกโฉลกกับคนแบบนี้แหละ เอาง่ายๆ ฟ้าลิขิตไว้แล้ว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีเงินรายได้ 71 ล้านบาท เสียภาษีอย่างไร ทนายษิทรา ตอบว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษี เพราะผมเป็นทนายความ ขณะนี้ตนโดนตรวจสอบภาษีอยู่ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ ตอนที่เงินเข้ามาผมได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบแล้ว ส่วนการเสียภาษีอยู่ระหว่างประเมิน ซึ่งโดยปกติจะเสียภาษีประมาณ 5% จากรายได้ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้เสียภาษี เนื่องจากกำลังประเมินอยู่ แต่เป็นจำนวนเงินเทาไร่ตนไม่ทราบ เพราะว่าผมโดนตรวจสอบอยู่ เขาก็จะคิดไปทีเดียวเลยว่าทั้งหมดมีเท่าไหร่อะไรยังไง แต่ทุกอย่างมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว กรณีที่เกิดขึ้นตนหนักใจกระแสสังคมอย่างเดียว พูดไปตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเชื่อ แต่ว่าผมโดนเรื่องนี้หลายรอบแล้ว ช่วงที่ทำคดีหวย 30 ล้านปี 61-62 ตอนนั้นก็มีคนมากล่าวหาผมต่างๆนานา หรือตอนที่ผมทำเรื่องโครงการจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ผมก็โดนหมายจับ หรือตอน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผมก็กลายเป็นทนายสีเทา ทุกอย่างผมก็ผ่านมาทั้งหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ผมก็เลยไม่ได้มีความหนักใจอะไรมาก กรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่า เงินจำนวนดังกล่าวนำไปซื้อบ้านหลังละ 46 ล้านบาท โดยใส่ชื่อภรรยา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทนายษิทรา ตอบว่า “มันก็เป็นสทธิ์ของผมว่าผมจะไปจัดการอะไรยังไง” ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงคุณสนธิหรือไม่ ทนายษิทรา ตอบว่า ไม่ฝากอะไรถึงพี่สนธิดีกว่า แต่ว่าตามที่ลั่นวาจาเอาไว้แล้วกัน ต่อข้อถามที่ว่ากรณีที่คุณสนธิพูดว่า ความจริงมีหนึ่งเดียว ที่จะทำให้คนชั่วฉิบหายได้ ทนายษิทรา ตอบว่า ก็รอดูต่อไปแล้วกัน ผมถึงบอกไงว่าเรื่องนี้ต้องดูกันไปยาวๆ ส่วนกรณีที่ ไฮโซปอ-ตนุภัทร ออกมาแฉว่า ทนายดังหักหลังคดีแตงโม แนะแนวทางสู้ในทางที่ผิด ซ้ำเรียกเงินจำนวนมาก ทนายษิทรา ตอบว่า “ไร้สาระทั้งนั้น ไอ้พวกนี้ถือโอกาสตอนที่ผมกำลังทัวร์ลง” ส่วนในเรื่องที่ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนาย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องหาคดี ดิไอคอน กรุ๊ป อ้างว่า 1 ในทนายดรีมทีมรีดเงิน 7 ล้าน ทนายษิทรา ปฏิเสธที่จะตอบในเรื่องนี้