สนธิ เปิดหลักฐานแฉ ทนายตั้ม รับโอน 71 ล้านบาท

วันที่ 25 ต.ค. 2567 เวลา 16:33 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - "สนธิ ลิ้มทองกุล" ไลฟ์เปิดหลักฐาน "พี่อ้อย" โอนเงินกว่า 71 ล้านบาท ให้กับ "ทนายตั้ม" พร้อมโต้กลับ "ทนายตั้ม" โกหกโอนตรงไม่มีการเสียภาษี 40% เตรียมร้องกรมสรรพากรตรวจสอบ "ทนายตั้ม" หนีภาษี สนธิ เปิดหลักฐานแฉ ทนายตั้ม รับโอน 71 ล้านบาท เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ชื่อหัวข้อรายการคือ "พ่อพระหรือนักต้มตุ๋น" โดยนายสนธิได้เปิดหลักฐานการโอนเงิน 71,067,714.70 บาท จากบัญชีของ นางสาวจตุพร คุณอ้อย โอนไปยังบัญชีของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมโต้กลับ นายษิทราว่า โกหก ที่ก่อนหน้านี้ออกรายการชี้แจงว่า เงินดังกล่าวไม่ใช่เงินร่วมลงทุน และอ้างว่าให้โดยเสน่หา แต่แค่หาวิธีทำโปรเจกต์ เพื่อรับเงินเข้ามาในไทย โดยไม่เสียภาษี 40 เปอร์เซ็นต์ ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยนายสนธิบอกว่า การโอนเงินตรงจากต่างประเทศไม่มีที่ไหนเสียภาษี 40% และเงิน 71 ล้านบาทที่นายษิทราได้ ก็ไม่ได้เสียภาษี หนีภาษี แต่ถ้าพูดผิด ขอให้ นายษิทรา เอาหลักฐานการเสียภาษีมาแสดงแล้วจะกราบเท้า เมื่อ นายษิทรา จะทะเลาะกับตน ตนเดินสุดซอย เพราะไม่เสียภาษี ยังไงก็ต้องโดน รอให้ตนไปร้องเรียนที่กรมสรรพกรก่อน เผย ทนายตั้ม ถอน 71 ล้านบาท วันเดียวเกลี้ยง นายสนธิยังโชว์ใบแจ้งความของคุณอ้อยที่มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความเอาผิด นายษิทรา เมื่อ 19 กันยายน 2567 ข้อกล่าวหาฉ้อโกงที่ สภ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเล่าถึงไทม์ไลน์การโอนเงิน 71 ล้านบาท คุณอ้อย ว่า เริ่มจากว่าจ้างบริษัทษิทรา เป็นที่ปรึกษากฎหมายเดือนละ 300,000 บาท แต่เงินไม่ได้โอนเข้าบริษัท แต่เข้าบัญชีบุคคล ซึ่งช่วงปลายปี 2565 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2566 ช่วงที่ นายษิทรา อ้างว่าได้รับโควตาสลากออนไลน์มาจากผู้ใหญ่ เป็นช่วงที่กองสลากพลัสตกเป็นข่าว มีความเสี่ยงจะถูกปิด จนคุณอ้อยตกลงจะร่วมลงทุน และตกลงโอนเงินเข้าบัญชี นายษิทรา ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 แต่หลังจากนั้นเมื่อกลับกรุงเทพมหานคร นายษิทราถอนเงินจนเกลี้ยงบัญชี เพื่อเอาไปซื้อบ้านหรู นอกจากนี้ นายสนธิ ยังเปิดรูปรถเบนซ์จีคลาส รุ่นจี 400 ราคาคันละ 9 ล้านบาท ที่คุณอ้อยให้นายษิทราหาซื้อรถคันนี้ไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพมหานคร แต่ทนายตั้มก็ตุกติกสารพัด สนธิ ซัด ทนายตั้ม แค่ อุจจาระเท้า นายสนธิ ยืนยันว่า เงิน 71 ล้านบาท ของคุณอ้อย ไม่ได้ให้นายษิทราโดยเสน่หาแน่นอน เรื่องนี้ขึ้นไปถึงศาล ก็พิสูจน์ไม่ได้หรอกว่าให้โดยเสน่หา เพราะวัตถุประสงค์การโอนเงินบอกชัดเจน นี่คือความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียว ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคู่กรณีกับนายษิทรา ไม่ได้วางแผน และรู้เรื่องนี้มานานเป็นเดือน แต่นายษิทราไปทะลึ่งต้องการฟอกตัวเองผ่านหนุ่มกรรชัย หลังเป็นข่าว นายษิทรายังโพสต์ด่าว่า "ไอ้ลิ้มมาเจอกูที่โหนกระแส" ก่อนจะรีบลบออกไป  นายสนธิ จึงถามกลับว่า ทำไมตนต้องไปออกโหนกระแส เพราะตนไม่ต้องฟอกตัวเอง นายษิทราแค่เด็กเมื่อวานซืน สิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิต คุณไม่ได้เทียบเท่า "อุจจาระเท้า" ตนเลย สนธิ เย้ย ทนายตั้ม กินปูนร้อนท้อง นายสนธิ บอกว่า สิ่งที่จะตนตอบโต้ คือ ความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียว พร้อมท้าให้นายษิทราฟ้องตนมาว่า ผิดตรงไหน เรื่องนี้ไม่ใช่การใส่ร้าย แต่เป็นคดีความไปแล้ว การที่ออกมาตอบโต้อย่างนี้ออกอาการกินปูนร้อนท้องหรือเปล่าก็ไม่รู้ พร้อมบอกอีกว่า บ้านหรูที่นายษิทราซื้อเป็นเงินแคชเชียร์เช็ค 46 ล้านบาท แล้วใส่ชื่อเจ้าของบ้านหลังนั้น เป็นชื่อภรรยา อยากถามว่า ภรรยาทำงานอะไร ทำไมถึงมีเงินสดหลายสิบล้านมาซื้อบ้านได้ ก่อนทิ้งท้ายตอนนี้นายษิรากำลังเดินลงหลุมไปทีละนิด ๆ แล้ว ทนายตั้ม มั่นใจศึกนี้ไม่ได้ดื่มปัสสาวะ 71 แก้วแน่ ด้าน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผมชัดเจนในทุกการกระทำ ทุกคำพูด และผมมั่นใจว่าศึกนี้ ผมไม่ได้ดื่มปัสสาวะ 71 แก้ว แน่นอน ส่วนกรณีที่นายษิทราบอกว่า วันนี้ เวลา 10.00 น. จะแจ้งไปแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาในเรื่องแจ้งความเท็จ ได้แจ้งผู้สื่อข่าวเลื่อนการแจ้งความออกไปก่อน ทนายอั๋น ยื่นโอนคดี ทนายตั้ม ให้สอบสวนกลาง จ.นครราชสีมา ขณะที่ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ได้เดินทางมาที่ สภ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อยื่นหนังสือให้กับ พันตำรวจเอก วีระพล ระเบียบโพธิ์ ผู้กำกับการ สภ.ปากช่อง เพื่อขอให้ สภ.ปากช่อง โอนคดีทนายตั้มให้ตำรวจสอบสวนกลาง สอบสวนต่อ เพราะเห็นว่าเป็นคดีใหญ่ อีกทั้งตำรวจสอบสวนกลางมีบุคลากรมาก รวมทั้งเครื่องมือที่ทันสมัย จะได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้ม อีกทั้งจะขยายผลได้อีกหลาย ๆ เรื่อง เพราะเป็นการโอนเงินข้ามชาติ ยังไม่มีการเสียภาษีเลย หรืออาจจะติกไประเด็นอื่นได้ เช่นฟอกเงินไหม ขณะที่ พันตำรวจเอก วีระพล ที่ลงมารับหนังสือ บอกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งให้โอนคดีนี้ให้ตำรวจสอบสวนกลางสอบสวนต่อไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี นำสำนวนทั้งหมดไปให้ ตำรวจสอบสวนกลางแล้วเมื่อช่วงสายวันนี้