จี้สภาทนายความ สอบทนายตั้ม ถูกแจ้งความฉ้อโกง 71 ล้าน

วันที่ 25 ต.ค. 2567 เวลา 11:58 น.

เชาว์ มีขวด จี้สภาทนายความตั้งกรรมการสอบ ทนายตั้มหลังถูกแจ้งความข้อหาฉ้อโกง 71 ล้าน ถ้าเป็นจริงถือเป็นเรื่องร้ายแรง  ปมทนายตั้มถูกแจ้งความข้อหาฉ้อโกง 71 ล้าน วันนี้ (25 ต.ค.67) นายเชาว์ มีขวด ให้ความเห็นผ่านเพจรู้ทันกฎหมายกับทนายเชาว์ มีขวด กรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาว ที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทย ในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่าฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ขณะที่ทนายตั้มรีบชิงออกสื่ออ้างว่าได้มาโดยเสน่หา รวมทั้งการรับโอนเงิน มีการแสดงหลักฐานปกปิดการทำธุกรรมเพื่อเลี่ยงภาษี  ตามที่ปรากฏข่าวอยู่ในสื่อโซเชียล ข้อความตอนหนึ่ง ทนายเชาว์ ระบุว่า ในฐานะที่เป็นทนายความ ได้ยินข่าวทำนองนี้ก็รู้สึกหดหู่ใจ เพราะโดยปกติภาพพจน์ของทนายความ ก็ไม่ค่อยเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อสังคมสักเท่าไหร่ อยู่แล้ว โดยเฉพาะกรณีทนายความชื่อดังที่อาศัยสื่อโซเชียลในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองจนมีผู้ติดตามนับล้านคน  มีความปรากฏว่าผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาฉ้อโกงเงินของลูกความ 71 ล้านบาท ถ้าเป็นจริงกรณีถือเป็นเรื่องร้ายแรง ตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529  “ผมจึงเรียกร้องไปที่สภาทนายความและคณะกรรมการมรรยาททนายความ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลการประกอบอาชีพของทนายความ ให้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาสอบสวนกรณีนี้ โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามา เพื่อทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคมว่าองค์กรทนายก็มีการตรวจสอบ การทำหน้าที่ของทนายด้วยกันเอง ไม่เพิกเฉยและไม่ปกป้องคนของตนเอง ถ้าผิดจริงก็ต้องถูกลงโทษไม่ให้เป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ” ทนายเชาว์ ระบุด้วยว่า เราเห็นทนายความเฟซบุ๊กได้รับความเชื่อถือ มีประชาชนเข้าหามากกว่าสภาทนายความเสียอีก เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป การแสวงหาชื่อเสียง หรือหาแสงก็มีมากขึ้น เรียกตัวเองว่าทนายความ แต่ปฏิบัติตนเหมือน อินฟลูเอนเซอร์ เรียกยอดไลก์ แต่กลับไร้ความผิดชอบต่อสังคม สภาทนายความควรมีบทบาทเข้าไปจัดการเรื่องนี้ ไม่ให้เกิดเรื่องแปดเปื้อนกับวิชาชีพทนายความ