ความเคลื่อนไหวหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

วันที่ 24 ต.ค. 2567 เวลา 18:01 น.

ผลสำรวจคะแนนนิยม 2 ผู้สมัครแข่งขันชิงตำแหน่งปรานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุดของหนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียล ไทมส์ ในเรื่องเศรษฐกิจ ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลมากที่สุด ต่อการตัดสินใจเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ พบว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งไว้แล้ว ให้ความไว้วางใจในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ของอดีตประธานาธิบดีฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน มากกว่า นางคอมมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีฯ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฯ จากพรรคเดโมแครต คิดเป็นอัตรา 44-43 เปอร์เซ็นต์          สาธุคุณเจสซี แจ็กสัน นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนผิวสี อายุ 83 ปี ซึ่งปัจจุบันป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน กล่าวหาเสียงช่วย นางคอมมาลา แฮร์ริส ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองอีรี รัฐเพนซิลเวเนีย โดยระบุว่า ชายผิวสีควรลงคะแนนให้ แฮร์ริส เพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากจะบ่อนทำลายกระบวนการเลือกตั้งแล้ว ยังเป็นผู้ต้องหาหลายคดีอีกด้วย               ด้านนาย โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีฯ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน หาเสียงที่รัฐจอร์เจีย โดยเน้นย้ำนโยบายการสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกของตนเอง และตำหนิประธานาธิบดีฯ โจ ไบเดน กับรองประธานนาธิบดีฯ แฮร์ริส คู่แข่งว่า ล้มเหลวเรื่องปัญหาผู้อพยพ ส่วนตนจะสร้างกำแพงชายแดนเพิ่ม และจะส่งผู้อพยพที่หลบหนีเข้าเมืองกลับบ้านเกิด           ส่วนที่รัฐเพนซิลเวเนีย นางคอมมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีฯ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ตอบคำถามผ่านรายการโทรทัศน์ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ในประเด็นต่าง ๆ และกล่าวถึง ทรัมป์ ว่า ตนเชื่อว่า ทรัมป์ เป็นพวกเผด็จการฟาสซิสต์ตัวจริง ตามที่อดีตนายทหาร ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าทีมงานของ ทรัมป์ เอง เพิ่งกล่าวหา แต่ถูก ทรัมป์ ปฏิเสธ และพูดด้อยค่าอดีตหัวหน้าทีมงานของตนเองด้วย