รองผู้การสระบุรีฯ ย้ำไม่เกี่ยวดิไอคอน ใส่เครื่องแบบเพื่อ ให้รู้ตร.ทำอาชีพเสริมได้

วันที่ 24 ต.ค. 2567 เวลา 17:15 น.

รองผู้การสระบุรีฯ เปิดใจ ไม่เกี่ยวข้องกับ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ไม่เคยเจอ ไม่รู้จักบอสพอล แจงเหตุผลที่ใส่เครื่องแบบตำรวจไป เพราะไม่ได้มีเจตนาทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย แค่อยากให้เห็นว่าตำรวจก็ทำอาชีพเสริมได้ (24 ต.ค.67) จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปตำรวจนายหนึ่ง ยศพันตำรวจเอก ขึ้นพูดบนเวทีในงานแห่งหนึ่งที่เชื่อมโยงกับ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ซึ่งในคลิปดังกล่าวได้มีการพูดในลักษณะการันตีว่าหากเข้ามาร่วมทำงานด้วยกัน จะประสบความสำเร็จ ทีมข่าว Ch7HD  โทรศัพท์ไปสอบถามกับพันตำรวจเอกสมคิด สาวิสัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี  ซึ่งเป็นตำรวจที่ปรากฎในคลิป ชี้แจงว่า วันนี้ตัวเองได้เข้ามาชี้แจงรายละเอียดและข้อเท็จจริงแล้ว โดยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “ดิไอคอนกรุ๊ป” เพราะตอนนั้นตัวเองทำธุรกิจ “บริษัท เจอเนสส์ โกลบอล” และเป็นเพียงแค่สมาชิก ไม่ได้เป็นบอส ซึ่ง “เจอเนสส์” เป็นแบรนด์ของอเมริกาที่ทำธุรกิจขายตรง ตัวเองก็เป็นแค่สมาชิกคนหนึ่งที่ไปขายไปทำการตลาด เหมือนกับการซื้อมาขายไป ยืนยันไม่ใช่ลูกทีม แต่เป็นเพียงสมาชิกของ “เจอเนสส์” ปกติ พร้อมย้ำว่าไม่ได้เกี่ยวกับ “ดิไอคอน” แน่นอน ทั้งนี้ยอมรับว่าคลิปที่ปรากฎ เป็นเหตุการณ์ช่วงประมาณปี 2559-2560 หรือเมื่อประมาณ 6-7 ปีแล้ว ซึ่งตอนที่ขึ้นไปพูด ตัวเองก็ทำอยู่ “เจอเนสส์” ได้ประมาณ 4-5 เดือน พันตำรวจเอกสมคิด ยังชี้แจงว่า เวทีในวันที่ตัวเองขึ้นไปพูด ไม่ได้เกี่ยวกับ “ดิไอคอน” เพราะในช่วงนั้น “ดิไอคอน” ก็เป็นสมาชิกของ “เจอเนสส์“ เหมือนกับตัวเองที่เป็นสมาชิกทั่วๆ ไป และเมื่อ ”เจอเนสส์“ มีการจัดงานสัมมนา ใครที่เป็นสมาชิกของ ”เจอเนสส์“ ก็จะเข้าไปร่วมฟังสัมมนาในการให้ความรู้ เพื่อเอามาเป็นข้อมูลในการไปหาลูกค้า ส่วนตอนนั้น ”ดิไอคอน“ ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์อะไร เขาก็เป็นสมาชิกของ ”เจอเนสส์“ ที่มาทำการตลาดเท่านั้น    ส่วนสคริปที่พูดไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสคริปที่มีการเขียนให้พูดหรือไม่นั้น พันตำรวจเอกสมคิด ระบุว่า เป็นสคริปที่ตัวเองพูดเอง ไม่ได้มีใครเขียนให้และเป็นการพูดตามความรู้สึกว่ามันดี โดยมองว่าตำรวจก็มีอะไรดี แต่ก็แค่อยากหาอาชีพเสริม ซึ่งเจตนาของตัวเองเป็นแบบนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปก้าวล่วงหรือลบหลู่อะไรใคร “ผมแค่อยากทำให้เห็นว่า “ตำรวจก็ทำอาชีพเสริมและประกอบอาชีพที่สุจริตได้”   ส่วนเครื่องแบบตำรวจที่ใส่ไป เป็นการตั้งใจที่ใส่ไป เพื่อให้คนทั่วไปที่อยู่ในทีม อยู่ในกลุ่มเฉพาะที่มีการเรียนรู้กัน บ่งบอกว่า ”ผมเป็นตำรวจ ผมยังทำได้ ไม่ได้ตั้งใจใส่เพื่อการสาธารณะและไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายหรือเพื่อไปทุจริตหรือไปทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ผมมั่นใจว่าผมเป็นตำรวจที่ทำอาชีพที่ถูกต้องและพี่น้องประชาชนหรือคนที่อยากทำก็ทำได้ เพราะเจอเนสส์ ตอนนั้นมันถูกต้องตามกฎหมาย” สำหรับการติดต่อให้ขึ้นเวที ก็เป็นทีมงานติดต่อกันพร้อมยืนยันว่า “ไม่เคยรู้จักบอสพอลและไม่เคยเจอด้วย” ส่วนบอสของดิไอคอนทั้ง 18 คนที่เป็นผู้ต้องหาในวันที่เข้าไปพูดในงานสัมมนาเคยเจอบ้างหรือไม่นั้น พันตำรวจเอกสมคิด บอกว่า “จำไม่ได้ เพราะวันนั้นก็ไปไม่นานและไม่ได้รู้จักใครด้วย“ พันตำรวจเอกสมคิด ยังยอมรับว่า ตอนที่ทำอยู่ “เจอเนสส์” ได้ซื้อแพ็กเก็จไปประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ก็มีการขายสินค้าแบบซื้อและขายไป โดยมีสินค้าหลายอย่างที่ขายดี ทั้งเซรั่มและกาแฟ ซึ่งภาพรวมทำแล้ว ก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะทำไม่สำเร็จ ทำไม่ได้ตามแนวทางที่เรากำหนด เนื่องจากไม่ได้ทำกันง่ายๆ แม้ได้กำไรกลับมา แต่ก็มีค่าใช้จ่ายพวกค่าโฆษณาอะไรตามไปด้วย     หลังจากนั้นตัวเองก็ออกมาจากธุรกิจนี้ เหตุผลหลักๆ ที่ออกมาจากธุรกิจ ก็เพราะตัวเองก็มีงาน และที่สำคัญ คือ ธุรกิจก็จะมีเวลาของมัน    ทั้งนี้ พันตำรวจเอกสมคิด ยังยอมรับอีกว่า หลังจากที่เป็นข่าวก็เครียดเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นเรื่องที่เราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่กลับถูกนำมาโยงกับเรื่องที่เป็นกระแสข่าวพอดี เลยทำให้เสียความรู้สึกนิดหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริงและวันนี้ตัวเองก็ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นก็ขอให้ข้อเท็จจริงและความจริงได้ปรากฎ ยืนยันว่า ”ไม่ได้มีเจตนาจะไปเอาผิดใคร แค่อยากให้ทุกคนเข้าใจความจริงก็โอเคแล้วและวันนี้ตัวเองก็รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสเข้ามาพูดในสิ่งที่เป็นความจริงให้ทุกท่านได้เข้าใจ“    อย่างไรก็ตามสำหรับวันที่ 26 ตุลาคมนี้ มีรายงานว่า ตำรวจ ปปป. จะเรียกพันตำรวจเอกสมคิดเข้ามาให้ปากคำนั้น “ตัวเองก็พร้อมที่จะเข้าไปให้ข้อมูล หากติดต่อประสานขอความร่วมมือมา”