นายกฯ ติง แอ่วเหนือคนละครึ่ง ทำเล็กไป
วันที่ 23 ต.ค. 2567 เวลา 16:40 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ไปตามต่อโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในภาคเหนือ ที่รัฐจะสมทบให้ 400 บาท จ่ายเอง 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ จำกัดให้ 1 คนต่อ 1 สิทธิ แต่ล่าสุด นายกฯ มองว่า โครงการทำเล็กไป น่าจะเพิ่มจำนวนงบประมาณให้มากขึ้นกว่านี้ นายกฯ ติง แอ่วเหนือคนละครึ่ง ทำเล็กไป เรื่องนี้คนที่ออกมาเปิดเผย คือ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มองว่า โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง มีขนาดโครงการเล็กเกินไปหรือไม่ มองว่าจำนวนสิทธิน่าจะเพิ่มมากขึ้น รวมถึงวงเงินให้ต่อคนด้วย จึงต้องหารือร่วมกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ภายในปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อประเมินว่าเพิ่มงบประมาณมากขึ้นได้หรือไม่ แต่หากเพิ่มงบประมาณมากขึ้นจะต้องนำเข้าพิจารณาที่ประชุม ครม.ต่อไป ขณะนี้พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิดังกล่าวใช้จ่ายได้ทันที เดินทางภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จุลพันธ์ ยัน แอ่วเหนือคนละครึ่ง ไม่ถึง 2.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการขยายสิทธิ์โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว (แอ่วเหนือคนละครึ่ง) ว่า ขณะนี้รอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดรูปแบบว่าจะเป็นอย่างไร ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ก่อนจะมาพูดคุยกัน ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกรอบงบประมาณคร่าว ๆ ส่วนแหล่งเงินก็ยังมีความสับสนว่าจะใช้เงินจากแหล่งใด ส่วนตัวเลขงบประมาณที่มีการพูดคุยกันว่า จะใช้งบประมาณ 24,000 ล้านบาทนั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวที่พูดคุยกันมีถึง 5 เฟส เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 5 รอบ ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งเดียว ดังนั้นโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่งจะไม่ใช้งบประมาณถึง 24,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีข้อสรุป โดยยืนยันว่า เงินที่นำมาใช้จะไม่กระทบต่องบประมาณที่จะใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 2 เพราะยังไงก็ต้องเดินหน้าทั้ง 2 โครงการ จึงไม่เกี่ยวกัน และแหล่งเงินของรัฐบาลมีหลายทางเลือกอยู่แล้ว ทั้งนี้โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง จะเป็นมาตรการที่ประกาศใช้ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย เชียงราย น่าน พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง ลำพูน ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี เบื้องต้นมาตรการนี้จะเปิดให้ประชาชนจำนวน 10,000 คนได้รับสิทธิ์การช่วยจ่ายจากรัฐบาล 400 บาทต่อทริป เมื่อมีค่าใช้จ่ายรวม 800 บาทต่อคน นักท่องเที่ยวจะจ่ายเอง 400 บาท ใช้ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และกิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยว โครงการนี้จะใช้ระบบลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหรือคูปอง เตรียมโอนเงินหมื่นซ้ำอีก 2 รอบ 21 พ.ย.และ 19 ธ.ค. ส่วนความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ รอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ซึ่ง กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง ได้สั่งจ่ายเงินซ้ำรอบแรก เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ซึ่งยังมีการจ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 64,892 ราย แบ่งเป็นคนพิการ จ่ายเงินไม่สำเร็จ จำนวน 5,052 ราย มีสาเหตุจากบัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง และรวมถึงกรณีคนพิการที่ไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยความพิการมาก่อน ทำให้ไม่มีเลขบัญชีเงินฝากธนาคารสำหรับรับเงิน กรมบัญชีกลางจึงจ่ายเงินให้คนพิการกลุ่มนี้ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน แต่พบว่าปลายทางยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์อีก ส่วนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายเงินไม่สำเร็จ 59,840 ราย สาเหตุหลักเนื่องจากยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด และเลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีคนพิการอีกจำนวน 40,658 ราย ที่กรมบัญชีกลางยังไม่เคยสั่งจ่ายเงินให้ เนื่องจากบัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ และไม่ได้ทำบัตรประจำตัวคนพิการ โดยรอบการจ่ายเงินซ้ำครั้ง 2 จะจ่ายในวันที่ 21 พ.ย.67 ผู้พิการต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ภายในวันที่ 12 พ.ย. 67 ส่วนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์ แก้ไขบัญชี ภายในวันที่ 18 พ.ย. 67 และรอบการจ่ายเงินครั้งที่ 3 จะจ่ายในวันที่ 19 ธ.ค.67 ต้องทำบัตรฯ ต่ออายุบัตรคนพิการ ภายในวันที่ 3 ธ.ค. 67 และผูกบัญชีพร้อมเพย์ แก้ไขบัญชี ภายในวันที่ 16 ธ.ค. 67 นายพรชัย ฐีระเวช โฆษกกระทรวงการคลัง เน้นย้ำว่า เมื่อพ้นกำหนดการจ่ายเงินซ้ำครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ