พิชัย ยังหวัง กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25 %
วันที่ 17 ต.ค. 2567 เวลา 10:28 น.
“พิชัย” ขอบคุณ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % ยังหวังประชุมครั้งหน้าให้ลดอีก 0.25 % เตรียมถกกรอบเงินเฟ้อต่อ ให้อยู่ในระดับ 2-3 % วันนี้ (17 ต.ค.67) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จาก ร้อยละ 2.50 เป็น ร้อยละ 2.25 ต่อปี ว่า เป็นไปตามสิ่งที่รัฐบาลคาดหวังไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งการลดดอกเบี้ยถือเป็นการลดภาระแต่แน่นอนว่า การที่คนจะไปกู้เงินล๊อตใหม่ได้ดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 อาจไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ แต่ประเด็นสำคัญ คือ คนที่เป็นหนี้จะได้ลดอัตราดอกเบี้ย และมีผลต่อความเชื่อมั่นเงินกู้ที่อยู่ในตลาด Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ก็จะมีผลดีกับผู้ที่ลงทุนรุ่นเก่า ดังนั้น ผลที่ออกมาเป็นไปแนวทางบวก ทั้งนี้ นายพิชัย กล่าวว่า กนง.ก็ยังเป็นห่วงหนี้ส่วนบุคคลกับหนี้เอสเอ็มอี ซึ่งตนเองเห็นว่า เรื่องดังกล่าวถูกจุดแล้ว ดังนั้นการลดอัตราดอกเบี้ย แต่ความเป็นจริงแล้วต้องมีสภาพคล่องหาทางที่จะพูดคุยโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ เพื่อที่จะให้มีการปล่อยสภาพคล่องเข้ามาในตลาดมากขึ้น ส่วนธนาคารของรัฐได้ทำเต็มที่แล้ว และทำทุกมิติในจำนวนที่มาก โดยคำนึงหลักที่ว่า ธนาคารทำได้ เนื่องจากสถานะธนาคารภาครัฐ ในช่วงที่ผ่านมามีความเข้มแข็ง เช่นเดียวกับสถานบันอื่น ๆ ก็มีความเข้มแข็ง ซึ่งอยากจะเห็นความร่วมมือ และช่วยกันฟื้นฟู เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเข้ามา ทั้งนี้การลดอัตราดอกเบี้ยก็จะมีผลทำให้สภาพคล่องไหลกลับเข้ามาส่วนหนึ่ง ดังนั้น ก็ถือเป็นไปตามที่คาดหวัง แต่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ต้องดูใน 2 เรื่อง คือ 1.หนีไม่พ้นที่จะคิดอัตราดอกเบี้ยแค่ประเทศไทย ซึ่งต้องดูองค์ประกอบ แนวคิด วิธี แนวโน้ม ของประเทศที่มีผลต่อโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐ ยุโรป ซึ่งต้องดูเรื่องนี้ประกอบด้วยในลำดับต่อไป ซึ่งตนหวังว่า ไม่ใช่เฉพาะครั้งนี้คงต้องมีการปรึกษาหารือกัน 2.ส่วนตัวคิดว่า ภาวะเงินเฟ้อคงไม่ถึง ร้อยละ 1 ในปีนี้ นั้นหมายความว่า ไทยอาจพลาดโอกาสหรือไม่ในการที่จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นมากว่านี้ ดังนั้นการที่เงินเฟ้อสูงขึ้นมา ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการผลิตให้สามารถรองรับได้ แต่ถ้ามีการคาดการณ์ว่า ปีหน้าจะเป็นร้อยละ 1 กว่า ถ้าจะหวังการคาดการณ์ในปีต่อ ๆ ไปอาจต้องมาถกคิด เนื่องจากปีที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปก็เคยพูดเช่นนี้ว่า ค่าเงินเฟ้ออาจจะเพิ่มขึ้น แต่ของจริงไม่ขึ้น ดังนั้นอาจต้องดูข้อเท็จจริงมากขึ้น ซึ่งส่วนตัวคิดว่า หลายเรื่องก็น่าจะเป็นผลดีระดับหนึ่ง และคิดว่า กนง.ก็ได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาดู ก็ต้องขอขอบคุณที่ดูอย่างละเอียดและรอบคอบ และหวังว่า ก็จะดูผลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ต้องดูว่า มีนโยบายอย่างไรต่อไป การที่ทำหรือไม่ได้ทำอะไรจนทำให้ทิศทางเศรษฐกิจของเราถูกคาดเดาได้ทั้งตลาดว่า จะทำหรือไม่ทำอะไร จึงเป็นช่องทางที่คนฉลาดกว่า ใช้ช่องทางนี้เข้ามาทำประโยชน์ได้ สำหรับการประชุมกนง.ครั้งต่อไป มีการคาดหวังว่าจะมีการลดอัตราต่อเนื่องร้อยละ 0.25 อีกหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูเพราะเศรษฐกิจประเทศไทยผูกกับเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก ดังนั้นเศรษฐกิจต้องปรับปรุงอยู่แล้ว แต่การที่ผูกอยู่กับต่างประเทศก็ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ว่า สถานการณ์ต่างประเทศ วิธีคิด แนวโน้ม เดินไปในทิศทางใด ซึ่งกนง.ก็ต้องคิดให้หนัก ส่วนกรอบเงินเฟ้อควรปรับมาอยู่ที่ ร้อยละ 2-3 หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลคาดหวังอย่างนั้น เพราะถ้าอยากช่วยเศรษฐกิจโตขึ้น ก็ต้องตั้งในสูงมากกว่าปัจจุบัน ส่วนตัวเห็นว่า เงินเฟ้อต่ำกว่า ร้อยละ 1 มันคงไม่ได้ ส่วนจะปรับในปีนี้หรือไม่ เห็นว่า ปกติได้มีการตกลงเป็นปี ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นช่วงนี้ใกล้สิ้นปีก็คงต้องมีการนั่งพูดคุยตกลงกัน ซึ่งทางภาครัฐบอกแล้วว่า ได้เวลาแล้วในเดือนนี้ และทุกคนต้องเตรียมข้อมูลและส่งเรื่องนี้ให้กันต่อไป ทั้งนี้ มีปัจจัยใดที่ทำให้กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยลงในรอบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมลด นายพิชัย กล่าวว่า ต้องไปถามในส่วนของ กนง. ส่วนจะเป็นเพราะเชื่อมั่นในนโยบายโดยรวมและตัวนายกรัฐมนตรีมากขึ้นหรือไม่ นายพิชัย เห็นว่า ทุกอย่างกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ