ปปง.สั่งอายัดทรัพย์ บอสพอล กับพวก

วันที่ 15 ต.ค. 2567 เวลา 22:19 น.

ประเด็นเด็ด 7 สี - เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ปปง. มีมติอายัดทรัพย์ "บอสพอล" กับพวก รวม 4 คน ในจำนวนนี้มี นายกันต์ กันตถาวร พิธีกรชื่อดัง รวมอยู่ด้วย หลังมีเหตุเชื่อได้ว่า อาจมีการโอน โยกย้าย ซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" โดยเบื้องต้นทรัพย์สินที่มีคำสั่งให้อายัด เป็นทรัพย์สินประเภทเงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์, เงินฝากบัญชีธนาคาร บัญชีกระแสรายวัน, บัญชีออมทรัพย์, บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และสินทรัพย์ดิจิทัล รวม 11 รายการ รวมประมาณ 125 ล้านบาท มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน โดยทาง ปปง. ยังเตือนด้วยว่า ยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา หากผู้ใดโอน ยักย้ายถ่ายเท ก็จะมีความผิดฐานฟอกเงิน โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนเรื่องของ "บิ๊กบอส" ซึ่งน่าจะหมายถึง "บอสพอล" ที่ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุถึง ว่า สคบ.ได้เรียก "บิ๊กบอส" และผู้บริหารเข้าพบ เพื่อชี้แจงเรื่องที่มีประเด็นข้อสงสัยทั้งหมด จะเรียกเข้าให้ปากคำ 10.00 น.พรุ่งนี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า ในวันที่ 17 ตุลาคม สคบ.จะเรียกดารา 3 คน มาชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเอง และวันที่ 18 ตุลาคม จะเรียกนิติบุคคลของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด มาชี้แจง ส่วนกระแสข่าวเรื่องคลิปเสียง "เจ้าหน้าที่รัฐ" และนักการเมือง เรียกรับเงิน ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า เป็นคลิปเสียงที่คนคุยกันจริง ๆ หรือคลิปเสียงสังเคราะห์ ที่เกิดจาก AI สร้างขึ้นมา แต่เพราะ "บอสพอล" ยอมรับในรายการโทรทัศน์ว่า คลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นคลิปจริง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงเตรียมที่จะเชิญเจ้าตัวมาให้ปากคำ เพื่อดูว่าประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ เพียงแต่ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่แน่ชัด ปฏิกิริยาของ "บอสพอล" แม้วันนี้จะไม่ได้ไปออกรายการที่ไหน แต่ก็มีเรื่องชวนให้น่าตั้งข้อสังเกต ที่เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เพจฯ "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" โพสต์ข้อความ ขอให้สื่อมวลชนลบคลิปที่ผิดกฎหมายทั้งหมด ยืนยันว่าตนเองไม่เคยให้เงินนักการเมือง และคลิปที่เปิดเผย ก็เป็นคลิปเก่าไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี เสียงในคลิปเป็นเพียงแค่แนวคิดเพื่อแก้ปัญหา ยังไม่มีการว่าจ้าง หรือโอนเงินใด ๆ เกิดขึ้น ขณะที่มีมุมมองนักอาชญาวิทยา วิเคราะห์ถึงทิศทางในอนาคตของ "บอสพอล" ว่าจะเริ่มกระบวนการพูดคุนเจรจากับผู้เสียหาย และเริ่มคืนเงินบางส่วน ซึ่งอาจหวังผลในทางกฎหมาย เช่นการขอบรรเทาโทษในชั้นศาล ส่วนจะสามารถจ่ายเงินให้ครบทุกคนตามจำนวนการลงทุนหรือไม่ ต้องติดตามในระยะยาว แต่เชื่อว่าภาพลักษณ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท ไม่น่าจะไปต่อได้ อาจมีการปิดตัว หรือเปลี่ยนสภาพไปเป็นรูปแบบอื่น และ "บอสพอล" ก็น่าจะผันตัวไปอยู่เบื้องหลังแทน